![]() |
พระบัณฑิตอาสาฯ มจร. สาน 5 พันธกิจ สนองพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าฯ | ||
วันที่ ๒๔/๐๔/๒๐๑๔ | เข้าชม : ๒๗๒๓ ครั้ง | |
“เสียเหงื่อแต่ได้ใจ”ชาวเขาบนยอดดอยสูงห่างไกลความเจริญในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย...คือบ้านและแหล่งทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ทั้ง กะเหรี่ยง เย้า มูเซอ ลีซอ ม้งอาข่า ไทยใหญ่ จีนยูนนาน และ ไทลื้อ ที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปัจจัยสำคัญที่พวกเขายังขาดไปคือ การศึกษา และศาสนา หลายพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์นี้ยังคงนับถือผี ทั้งยังขาดความรู้ ทำให้ไปประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมาย เช่น ขนยาเสพติด ปลูกฝิ่น หรือบางพื้นที่ก็มีการทำลายป่าไม้ เผาป่า เพื่อหวังใช้พื้นที่ทำการเกษตรโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่ม ชาติพันธุ์บนดอยสูงที่ยังไม่มีศาสนา จึงมีพระราชดำริให้ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)ส่งพระสงฆ์เข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา เกิดเป็นโครงการพระบัณฑิตอาสาพัฒนาชาวเขาขึ้นมาใน พ.ศ.2543 โดยมี มจร.วิทยาเขตเชียงใหม่ ดูแลโครงการนี้ และนั่นถือเป็นจุดก่อกำเนิดของ โครงการพระบัณฑิตอาสาพัฒนาชาวเขา กว่า 14 ปีแล้วที่โครงการพระบัณฑิตอาสาฯ ได้ส่งพระสงฆ์ลงพื้นที่บนดอยต่างๆที่มีหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และไม่ให้ไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด มาอย่างต่อเนื่อง ถึงวันนี้มีพระบัณฑิตอาสาฯ ไปตั้งอาศรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับกลุ่มชาติพันธุ์แล้ว 35 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบนคือเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน และเมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทางคณะของ มจร. เกือบร้อยชีวิต นำโดย พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) อธิการบดี ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจพระบัณฑิตอาสาฯ ที่ อาศรมบ้านห้วยบง ต.บ้านจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งเตรียมตั้งอาศรมบ้านห้วยบง ให้เป็นศูนย์กลางการประสานงานของพระบัณฑิตอาสาฯด้วย อีกทั้ง พระพรหมบัณฑิต ยังถือโอกาสในการเดินทางมาครั้งนี้จัดประชุมพระบัณฑิตอาสาฯทั้งหมด เพื่อวางแนวทางในการปฏิบัติงานด้วย “พระบัณฑิตอาสาฯยุคนี้ อุดมการณ์ในการทำงานน้อยลง มีหลายรูปที่จะเข้าร่วมโครง- การจะถามว่าที่แต่ละอาศรมมีไฟฟ้าใช้หรือไม่มีทีวีหรือไม่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณในการเป็นพระบัณฑิตอาสาฯที่ลดลง เพราะการที่จะมาเป็นพระบัณฑิตอาสาฯต้องตัดเรื่องลาภสักการะ และการทำงานพระบัณฑิตอาสาฯแม้จะมีแต่เสียเหงื่อ แต่ได้ใจ” พระปลัดสุชาติ สุวฑฺฒโก เจ้าหน้าที่นิเทศน์ประจำโครงการพระบัณฑิตอาสาพัฒนาชาวเขา กล่าวถึงอีกปัญหาที่พบในพระบัณฑิตอาสาฯในยุคนี้ และยอมรับด้วยว่า การทำงานของพระบัณฑิตอาสาฯถึงแม้ว่าต้องมีอุดมการณ์ แต่บางครั้งจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการทำงานด้วย ซึ่งจะช่วยให้การทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา และการศึกษาได้ผลมากขึ้น ขณะเดียวกัน พระก็ต้องเข้าหาคนในชุมชนด้วยและหากปรับตัวได้ดีก็จะสามารถทำงานได้ดี ขณะที่ พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) อธิการบดี มจร.ระบุว่า งานของพระบัณฑิตอาสาฯ จะต้องมีการประชาสัมพันธ์มากขึ้น เพื่อให้พระนิสิตได้รู้จักโครงการนี้ รวมถึงพุทธศาสนิกชนด้วย อีกทั้งงานพระบัณฑิตอาสาฯ ต้องต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งต่องานจากรุ่นสู่รุ่นที่ควรจัดทำแนวทางของพระบัณฑิตอาสาฯที่ทำงานประสบความสำเร็จเป็นคู่มือให้พระบัณฑิตอาสาฯรุ่นต่อไปด้วย เพราะความศรัทธาจะเกิดขึ้นได้จากความต่อเนื่องในการทำงานเผยแผ่ และพระบัณฑิตอาสาฯ ต้องเน้นสอนเรื่อง ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวพุทธที่ทำแล้วเกิดสุข ดังนั้นจะต้องสอนให้ชาวเขาเข้าใจ 3 คำนี้และต้องแสดงให้เห็นว่า จะเกิดสุขจากการทำตาม 3 คำนี้ได้อย่างไรด้วย แต่เราเชื่อว่า ผลจากการทำงานอย่างทุ่มเท และเสียสละ ด้วยจิตเมตตาอันบริสุทธิ์ของพระบัณฑิตอาสาฯ เพื่อทำให้ชาวเขากลุ่มหนึ่งมีความรู้มีการศึกษา ได้เข้าถึงพระพุทธศาสนา ทั้งยังสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวได้ ไม่ว่าลาภสักการะใดๆ ก็มิอาจมีค่าทัดเทียม... ทีมข่าวศาสนา ที่มา; หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 22 เมษายน 2557 ประสานงาน; สมหมาย สุภาษิต
|
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||
![]() ![]() |