![]() |
พระสงฆ์ และประชาชนเกือบครึ่งหมื่นแห่ร่วมงานมหกรรมอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่ | ||
วันที่ ๐๕/๐๗/๒๐๑๔ | เข้าชม : ๓๓๗๖ ครั้ง | |
พระธรรมสุธี นายกสภามหาวิทยาลัยในฐานะประธานเปิดงานในช่วงเช้าได้ย้ำเตือนให้เห็นถึงความสำคัญของภาษา และวัฒนธรรมว่า "ภาษาถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำกลุ่มคนต่างๆ ในประชาคมอาเซียนให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าใจซึ่งกันและกันท่ามกลางความแตกต่างมากยิ่งขึ้น การไม่เข้าใจภาษาจะทำให้ยากที่จะเข้าใจวิถีชีวิตอื่นๆ เพราะตัวแปรสำคัญในการสื่อความคือภาษา" ท่านกล่าวเพิ่มเติมว่า "มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้เดินมาถูกทางแล้ว ที่จัดตั้งสถาบันภาษาขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ในการช่วยพัฒนาภาษา โดยเฉพาะพระภิกษุในประชาคมอาเซียนที่เดินทางมาศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทย" ในขณะที่พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. อธิการบดี ได้กล่าวปาฐกถาในช่วงบ่ายว่า "ประชาคมอาเซียนมีความแตกต่างทั้งมิติทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาษา ศาสนา ชาติพันธุ์ และวิถีชีวิตที่ต่างๆ การพยายามที่จะเรียนรู้ความแตกต่างของสิ่งเหล่านี้ จะส่งผลโดยตรงต่อการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และท่าทีต่อพลเมืองที่อาศัยอยู่ร่วมกันในประชาคมอาเซียน" ท่านกล่าวเสริมว่า "ประชาคมอาเซียนได้เชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าหากัน (Connectivity) การเชื่อมโยงเหล่านี้ มิได้ส่งผลในเชิงธุรกิจแต่เพียงประการเดียว หากแต่เชื่อมโยมทั้งมิติของวัฒนธรรมด้วย ฉะนั้น การเรียนรู้ความแตกต่างของวัฒนธรรม จะส่งผลดีต่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีเอกภาพ" ในขณะที่ ดร.คุณหญิงสมปอง วรรณิสสร ในฐานะผู้ที่สนับสนุนสถาบันภาษาตั้งแต่เริ่มตั้งตัว ได้กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า "ดีใจมาก และภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนการจัดตั้งสถาบันภาษาด้วยทุนเริ่มแรก จำนวน ๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท และได้สนับสนุนทุนโดยการส่งพระมหาราชันเดินทางไปเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษ เมืองอ๊อกฟอร์ด (Oxford) จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท สิ่งที่ได้ทุ่มเทไปทั้งหมดนั้น ตั้งใจที่จะเห็นมหาจุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก (World Class) ที่เป็นศูนย์กลางในการศึกษาพระพุทธศาสนาโดยมีภาษาเป็นหัวใจสำคัญในการเรียน รู้" มหกรรมภาษา ศาสนา และวัฒนธรรมอาเซียนนั้น ประกอบไปด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งในมิติของนิทรรศการ “คาบสมุทรแห่งวัฒนธรรมแหลมทอง" (The Sea of Golden cultures) ทั้งนี้ ตัวนิทรรศการอาเซียนจะนำ "เรือ" มาเป็นตัวเดินเรื่องเพื่อชี้ให้เห็นความสำคัญที่ว่า เรือคือเครื่องมือสำคัญในอดีตที่จะพากลุ่มคนต่างๆ ในอาเซียนเดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน และอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่าง แต่สะท้อนวิถีชีวิตอาเซียน ซึ่งเนื้อหาภายในจะประกอบไปด้วยการนำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้อง ๓ เสาหลักของอาเซียน ทั้งเสาความมั่นคง เสาเศรษฐกิจ และเสาสังคม ทั้งนี้ นิทรรศการนี้จะเน้นไปที่เสาที่ ๓ ซึ่งเน้นการนำเสนอเกี่ยวกับภาษา ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตในมิติต่างๆ ของประชาคมอาเซียน อันจะส่งผลต่อการจัดวางท่าทีในการแสดงออกต่อกลุ่มคนที่มีความเชื่อที่แตกต่างกันระหว่างชาติพันธุ์
นอกจากนี้ โครงการปริญญาโท สาขาสันติศึกษา จะนำเสนอนิทรรศการ เรื่อง "ลมหายใจแห่งสันติภาพ" โดยแสดงให้เห็นถึงกลุ่มคนในโลกนี้ และสังคมไทยที่อาศัยอยู่ร่วมกันในทิศทั้ง ๔ จะผนึกกำลังในการเสริมสร้างความสามัคคีปรองดอง เพื่อเชื่อมสมานเป็นหนึ่งเดียวประดุจเกลียวคลื่น ในขณะที่สถาบันภาษาจะนำเสนอแง่มุมที่สำคัญที่ว่า "ภาษาเปลี่ยนชีวิตคุณได้" และภาษาจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำพากลุ่มคนต่างๆ ในอาเซียนเรียนรู้ และเข้าใจวัฒนธรรม ความเชื่อ และประเพณีที่แตกต่าง ภาษาจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมสมานชาติพันธุ์ต่างๆ ให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
สถาบันภาษาได้จัดนิทรรศการ เรื่องภาษาเปลี่ยนชีวิตได้ รวมถึง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะนำเสนอนิทรรศการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเที่ยวเชิงพุทธในอาเซียนเพื่อชี้ให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาสามารถพาคนเที่ยวไปในแดนธรรมได้อย่างล้ำลึก ในขณะเดียวกัน หลักสูตรเสาหลักแผ่นดินใต้ร่มพระบารมีจะนำเสนอนิทรรศการเรื่อง "จากเมล็ดข่าวเมล็ดเดียวสู่ความกลมเกลียวของอาเซียน" เพื่อชี้ให้นำให้แต่ละคนได้เห็นความสำคัญของเม็ดข้าวที่พระพุทธสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงย้ำประเด็นเศรษฐกิจพอเพียงภายใต้เศรษฐกิจฐานรากเกษตรกรรม จนก้าวไปสู่การนำรวงข้าวมาเป็นสัญลักษณ์ของประชาคมอาเซียน
ในขณะที่คณะพุทธศาสนา สังคมศาสตร์ ครุศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และบัณฑิตวิทยาลัย จะนำเสนอนิทรรศการที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละคณะเพื่อเชื่อมโยงไปสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาและแลกเปลี่ยนต่อไป ยิ่งกว่านั้น นิทรรศการสถาบันภาษาจะได้รับการออกแบบเป็นเรือที่สื่อถึงการสื่อสาร ภาษาได้รับการออกแบบให้ทำหน้าที่เสมือนเรือที่จะนำพากลุ่มคนต่างๆ ในอาเซียนสามารถข้ามข้ามพรมแดนจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสารระหว่างพลเมืองในอาเซียน
นอกจากนี้ งานมหกรรมได้จัดรายการแสดงวัฒนธรรมอาเซียนประกอบแสง สี และเสียง เรื่อง "ลมหายใจแห่งเอกภาพ" โดยทีมนักแสดง คิดบวกสิปป์ ผู้ผ่านเวทีรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ และเยาวชนอาเซียนจำนวน ๑๐ ประเทศ บวก ๓ คือ จีน เกาหลี และญี่ปุ่น จะแสดงร่วมกัน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของลมหายใจแห่งเอกภาพ แม้ผืนน้ำกางกั้น พรมแดนเป็นเพียงสิ่งสมมติ สายลมแห่งความเป็นหนึ่ง จะพัดพรูถึงกันและกันเชื่อมใจเข้าหากัน เป็นลมหายใจเดียวกัน ...ลมหายใจแห่งเอกภาพ การแสดงจะสะท้อนความเป็น Unity in Diversity “เอกภาพในความต่าง” ทางด้านภาษา ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ สังคม ขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม ของแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน
โดยกลุ่มนักแสดงนั้น เป็นเยาวชนในโครงการ "ยุวชนอาเซียนเพื่อสันติภาพ" ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๒ โดยโครงการปริญญาโท สาขาสันติศึกษาได้เป็นผู้ดำเนินการในการนำเยาวชนอาเซียนมาทำงานด้านสันติภาพร่วมกัน เยาวชนอาเซียนจะร่วมแสดงวัฒนธรรมในวันที่ ๒๗ มิถุนายน โดยแบ่งออกเป็น ๓ รอบ กล่าวคือ ช่วงเช้า ช่วงบ่าย และพิธีปิด ซึ่งช่วงบ่ายโมงจะเป็นการแสดงวัฒนธรรมของแต่ละประเทศโดยใช้เวลา ๑ ชั่วโมง ในขณะที่พิธีปิดจะเป็นการจุดเทียนสันติภาพ พร้อมกับร้องเพลงลมหายใจแห่งสันติภาพร่วมกันคุณน้ำมนต์ ซึ่งเป็นบทเพลงประจำโครงการปริญญาโท สาขาสันติศึกษา หลังจากนั้น จึงรายการ “อาเซียนทอล์ค” ซึ่งเยาวชนอาเซียนที่ได้รับเชิญมาจากประเทศต่างๆ จำนวน ๑๓ ประเทศ จะได้นำเสนอ และแลกเปลี่ยนวิถีคิด และมุมเกี่ยวกับมิติที่สะท้อนคุณค่าหลักของแต่ละประเทศ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้วิถีแห่งภาษา วัฒนธรรม และความเชื่อที่แตกต่าง อันจะทำให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้ และเข้าใจวิถีชีวิตของชาติพันธุ์ของประเทศต่างๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น
รายการที่ถือว่าสำคัญในช่วงบ่ายคือการประกวดสุนทร์พจน์เพื่อชิงถ้วยประทานจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนพรรณาวดี พร้อมทั้งทุนการศึกษาจากหลักสูตรเสาหลักเพื่อแผ่นดินใต้ร่มพระบารมี จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท โดยรอบแรก วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ "เอกภาพในความแตกต่าง" และรอบที่ ๒ คัดเหลือ ๕ มหาวิทยาลัย เพื่อให้กล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ในหัวข้อ "จากเมล็ดข่าวเมล็ดเดียวสู่ความกลมเกลียวของประชาคมอาเซียน" ซึ่งแง่มุมดังกล่าวจะเป็นการนำเสนอผ่านแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่สัญลักษณ์อาเซียนที่เน้นความกลมเกลียวของรวงข้าวทั้ง ๑๐ รวง ซึ่งผู้ที่ได้รับวางวัลชนะเลิศคือ Ven.Suraj Maharja วัดนาคปรก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ, นิสิตปี 3 คณะพุทธศาสตร์ มจร. ได้รับถ้วยประทาน "ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี" รางวัลชนะเลิศการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ "ความรู้สู่ความเจริญตามพระบรมราโชวาท : จากเมล็ดข้าวเมล็ดเดียวสู่ความกลมเกลียวของประชาคมอาเซียน" พร้อมเงินรางวัล 20,000
|
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||
![]() ![]() |