พระธรรมทูตทั่วโลกลงนามปฏิญญาวอชิงตันดีซีเร่งจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมพระธรรมทูตสาย
11 มิ.ย. 52 | ข่าวมหาวิทยาลัย
410
|
ข่าวมหาวิทยาลัย |
|
พระธรรมทูตทั่วโลกลงนามปฏิญญาวอชิงตันดีซีเร่งจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมพระธรรมทูตสาย |
วันที่ ๑๑/๐๖/๒๐๐๙ |
เข้าชม : ๗๘๕๕ ครั้ง |
กรุงวอชิงตันดีซี 7 มิถุนายน 52: ตามที่คณะสงฆ์จากประเทศไทย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สหภาพสงฆ์ไทยในยุโรป อินเดีย-เนปาล เอเชีย โอเซียเนียสหราชอาณาจักร และผู้แทนพระธรรมทูตไทยสายต่างประเทศจากประเทศต่างๆ พร้อมด้วยผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดประชุมสัมมนาพระธรรมทูตไทยสายต่างประเทศ ในโอกาสที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลอายุวัฒนมงคลครบ ๗ รอบ ๘๔ ปี พระวิเทศธรรมรังษี (สุรศักดิ์ ชีวานนฺโท) ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มลรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ ๕ - ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติยืนยันรับรองและเห็นชอบร่วมกันในหลายด้าน โดยเฉพาะการจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมพระธรรมทูตอย่างเป็นระบบ มีหลักสูตรการฝึกอบรมที่มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับพร้อมกันนี้ ที่ประชุมสัมมนายังเห็นชอบในการพัฒนาองค์กรของพระธรรมทูต โดยจัดตั้งเป็นสมัชชาหรือสหภาพพระธรรมทูตขึ้นโดยมีเครือข่ายเชื่อมโยงพระธรรมทูตที่ออกไปปฏิบัติศาสนกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านพระธรรมทูตให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้จะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อนำมาสนับสนุนงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตไปพร้อมกัน พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า " พระธรรมทูตที่ออกไปปฏิบัติศาสนกิจในประเทศต่างๆ มิใช่เป็นเพียงผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระพระพุทธศาสนาเท่านั้น ในฐานะที่เป็นพระสงฆ์ที่มาจากประเทศไทย ยังนำชื่อเสียง ศิลปวัฒนธรรมไทยมาเผยแพร่ด้วย ถือเป็นผู้ทำหน้าที่เผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไปพร้อมกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องฝึกอบรมและพัฒนาให้มากกว่าที่เป็นอยู่และต้องทำให้เป็นระบบ มีสถาบันรองรับที่ชัดเจน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ยินดีที่จะสนองงานอย่างเต็มที่ โดยจัดทำแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีหลักสูตรเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมามหาวิทยาลัยก็รับผิดชอบฝึกอบรมมาแล้ว 15 รุ่น แต่ความรับผิดชอบไม่ชัดเจน ไม่เคยมีการลงนามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าหน่วยงานใดรับผิดชอบด้านได การสัมมนาครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของงานด้านพระธรรมทูต ที่มีการลงนามความร่วมมือหรือปฏิญญาร่วมกัน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานที่มีแบบแผนที่ชัดเจนต่อ อีกทั้งจะเป็นแนวทางให้สามารถขยายงานของพระธรรมทูตให้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ จะต้องประสานรายงานไปยังคณะสงฆ์ให้รับทราบ โดยเฉพาะมหาเถรสมาคม ซึ่งจะเป็นองค์กรหลักที่จะให้การทำงานของพระธรรมทุตมีความราบรื่นและประสบผลสำเร็จในอนาคตต่อไป" ด้านพระพรหมวชิรญาณ ในฐานะประธานที่ประชุม กล่าวว่า "ปัจจุบันพระธรรมทูตที่ออกปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศค่อนข้างมีความคล่องตัวสูง สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หลายๆ ด้าน แต่ที่ต้องคำนึงคือการปรับตัวเข้ากับสภาพของสังคมและสภาพภูมิประเทศของแต่ละท้องถิ่น ดดยเฉพาะด้านภาษา ต้องมีความพร้อมสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ ที่ผ่านมามักประสบปัญหาด้านนี้ จึงไม่สามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่คนพื้นเมืองของแต่ละประเทศได้อย่างเต็มที่ จากผลของการสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของพระธรรมทูตให้มากยิ่งขึ้นและดีใจที่เห็นพระธรรมทูตแต่ละประเทศมาร่วมสัมมนาถือเป็นครั้งแรกที่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ทุกท่านต้องรำลึกอยู่เสมอว่า ท่านคือผู้ทำหน้าที่ประกาศพระพุทธศาสนาและเป็นตัวแทนของชาวไทย ดังนั้น จึงต้องพยายามรักษาภาพลักษณ์นี้ไว้อย่าหลงลืมเด็ดขาด และที่สำคัญคือต้องรักและช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาและชื่อเสียงของประเทศไทย"
สมหมาย สุภาษิต รายงานจากกหรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกหา |