ข่าวมหาวิทยาลัย |
ผู้บริหาร มจร ถวายสักการะสมเด็พระพุฒาจารย์ | ||
วันที่ ๑๑/๐๑/๒๐๑๑ | เข้าชม : ๙๒๙๒ ครั้ง | |
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 11 มกราคม 2554; พระธรรมโกศาจาราย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นำคณะผู้บริหารเข้าถวายสักการะ เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สเด็จพระสังฆราช ซึ่งคณะสงฆ์และพุทธศานสนิกชนร่วมจัดงานอายุวัฒนมงคล ขึ้นที่พระอุโบสถวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ ได้นำคณะสงฆ์และนักวิจัยจาก 22 ประเทศที่เดินทางมาร่วมงานวิจัยนานาชาติ ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ระหว่างวันที่ 8-10 มกราคมที่ผ่านมาเข้าถวายสักการะและมีพระเถรานุเถระพร้อมพุทธศานิกชนจากทั่วประเทศหลั่งไหลมาถวายสักการะอยากท่วมท้น ด้วยความปิติยินดีที่ได้เข้าพบท่าน ประวัติ ปัจจุบันเจ้าประคุณสมเด็จฯ สิริอายุ 83 ปี พรรษา 62 ดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก แม่กองงานพระธรรมทูต และเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร นามเดิมว่า เกี่ยว นามสกุล โชคชัย เกิดเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ปีพ.ศ. 2471 ณ บ้านเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนบุตร 6 คน ของนายฮุ้ยเลี้ยน แซ่โหย้ (เลื่อน โชคชัย) และนางยี แซ่โหย้ (ยี โชคชัย) มีอาชีพทำสวน สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จากนั้นเตรียมตัวจะไปเรียนต่อยังโรงเรียนในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี แต่เกิดป่วย บิดามารดาจึงบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า จะให้บวชเป็นสามเณรถ้าหายป่วย ดังนั้นเมื่อหายป่วยบิดามารดาจึงนำไปบรรพชาเป็นสามเณรเป็นการแก้บน เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ปีพ.ศ. 2484 ณ วัดสว่างอารมณ์ ต.บ่อผุด โดยมีเจ้าอธิการพัฒน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยจะบวชเพียง 7 วันเท่านั้น แต่เมื่อบวชแล้วเกิดเปลี่ยนใจ ไม่คิดจะลาสึกตามที่เคยตั้งใจไว้ โยมบิดามารดาจึงพาไปฝากกับหลวงพ่อพริ้ง (พระครูอรุณกิจโกศล) เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ต่อมา หลวงพ่อพริ้งได้นำมาฝากไว้กับพระอาจารย์เกตุ คณะ 5 ณ วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ช่วงเดียวกันกับการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ ถูกเครื่องบินทิ้งระเบิด หลวงพ่อพริ้งจึงได้รับตัวกลับไปสุราษฎร์ธานีพาไปฝากท่านอาจารย์มหากลั่น ที่ ต.พุมเรียง อ.ไชยาครั้นเมื่อสงครามสงบลง หลวงพ่อพริ้งได้พากลับมาที่วัดสระเกศอีกครั้งหนึ่ง แต่ท่านอาจารย์เกตุที่เคยรับไว้ตอนแรก ได้ลาสิกขาไปแล้ว หลวงพ่อพริ้งจึงพาไปฝากกับพระครูปลัดเทียบ ที่ต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระธรรมเจดีย์ และเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เมื่อเป็นสามเณรศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้ทั้งนักธรรมชั้นเอก และเปรียญธรรม 5 ประโยค และอุปสมบท เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ปีพ.ศ. 2492 ณ วัดสระเกศ โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อยู่ ญาโณทยมหาเถระ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมวโรดม ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์การศึกษาภาษาบาลีก้าวหน้ามาก สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค อันเป็นประโยคสูงสุด ในปีพ.ศ. 2497 ผู้ที่สอบได้พร้อมกับท่านในครั้งนั้นมี 2 รูป (อีกรูปคือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์) ทั้งสองรูปนี้อยู่ในกลุ่มพระเจ้าห้าพระองค์ที่เป็นศิษย์เอกของ น.อ.แย้ม ประพัฒน์ทอง ป.ธ. 9 อนุศาสนาจารย์กองทัพอากาศ อาจารย์ผู้สอนบาลีชั้นนำอีกด้วยผู้ที่สอบได้ประโยค 9 และได้รับฉายา พระเจ้าห้าพระองค์ จากอาจารย์แย้มผู้สอนประโยค 9 นั้นมีชื่อเดิมว่า เกี่ยว นิยม พลอย ช้อย ช่วง แต่ละรูปเจริญเติบโตในสมณศักดิ์สูงทุกรูป คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว ได้ประโยค 9 พ.ศ. 2497) สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสสโร ได้ประโยค 9 พ.ศ. 2498) สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ ได้ประโยค 9 พ.ศ. 2497) พระวิสุทธิวงศาจารย์ (พลอย ญาณสํวโร ได้ประโยค 9 พ.ศ. 2496 มรณภาพปี 2547 อายุ 84 ปี ขณะที่เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ เจ้าอาวาสวัดเทพธิดาราม) ส่วนพระเทพวิสุทธิโมลี (ช้อย ได้ประโยค 9 พ.ศ. 2500 เป็นเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ และรองเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี มรณภาพเมื่อปีพ.ศ. 2547 อายุ 69 ปี สมณศักดิ์ งานด้านวิชาการและการบริหาร หน้าที่การงานที่มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านดำรงตำแหน่งและหน้าที่มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2500 โดยเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาบาลี ต่อมาได้เลื่อนเป็นหัวหน้าแผนกภาษาบาลี และเป็นอาจารย์สอนพระสูตร และหัวหน้าแผนกคณะพุทธศาสตร์ เป็นผู้ช่วยอธิการบดี และเป็นหัวหน้าแผนกธรรมวิจัย จนกระทั่งเป็นเลขาธิการ ด้านการปกครองเคยดำรงเป็นเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะภาค 9 (เขตปกครองจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด) และเจ้าคณะภาค 10 (เขตปกครองจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ นครพนม ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ) พ.ศ. 2514 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ พ.ศ. 2516 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม พ.ศ. 2532 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ปฏิบัติหน้าที่สังฆราช เมื่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระอาการประชวร และประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาตั้งแต่ต้นปีพ.ศ. 2545 ทำให้ทรงงานพระศาสนาไม่สะดวก มหาเถรสมาคมจึงมีมติเห็นชอบแต่งตั้งให้เจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อต้นปี 2547 เมื่อเวลาการแต่งตั้งได้สิ้นสุดลง ที่ประชุมมหาเถรสมาคมจึงมีมติให้มีคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อบริหารกิจการคณะสงฆ์ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ในฐานะพระเถระที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ได้รับเลือกให้ เป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่/ข่าว/ภาพ |
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||