คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ร่วมกับฝ่ายบริการฝึกอบรม ส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดค่ายคุณธรรม จริยธรรม “ค่ายธรรมทายาท” ให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกสาขาวิชา โดยมีพระมหาวิชาญ สุวิชาโณ พระวิทยากร ฝ่ายบริการฝึกอบรม ส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มาร่วมอบรม ฝึกปฏิบัติธรรมพื้นฐานวิถีชีวิตในเรื่องการใช้ชีวิตในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ยกตัวอย่าง ในเรื่องของเวลา การตรงต่อเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวัน ความมีระเบียบวินัย แบ่งจัดสรรแผนกมีรุ่นพี่มาเป็นพี่เลี้ยง การฝึกให้นักศึกษารู้จักการทำงานเป็นทีม

ผศ.สุทธิ ชัยพฤกษ์ หัวหน้างานวินัยและจริยธรรม อาจารย์คณะประจำสาขาวิชาการตลาด เล่าว่า การที่นักศึกษาบางส่วนยังมีนิสัยในการยึดติดกับความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ขาดความรับผิดชอบ ไม่มีระเบียบวินัย จากปัญหาดังกล่าวทางคณะบริหารจึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อสร้างฐานและปลูกฝังสิ่งที่ดีให้แก่นักศึกษา โดยเน้นให้นักศึกษามีคุณธรรม จริยธรรม การฝึกฝนตนเองในแนวทางพระพุทธศาสนา เกิดจิตสำนึกในด้านความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม

ดังนั้นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกสาขาวิชารวมทั้งหมด 1,200 คน ต้องเข้าค่าย เนื่องจากวิชาชีพด้านบริหารธุรกิจ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้บุคลากรที่ซื่อสัตย์สุจริต นักศึกษาที่เรียนด้านการบริหารควรได้รับการฝึกฝนด้านคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งความเป็นไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านความคิด และความรับผิดชอบต่อสังคมและธุรกิจ

“บอล" ขันติพงศ์ ใจหล้า นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาการจัดการ นายกสโมสรนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ เล่าว่า ค่ายธรรมทายาทในครั้งนี้ ได้รวมนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกสาขาวิชา ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน จากที่รับน้องมาแล้ว เพื่อปลูกฝังและพัฒนาคุณภาพในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ปลูกฝังความรับผิดชอบ รู้จักการทำกิจกรรมเป็นหมู่คณะ แบ่งปันช่วยเหลือกัน ดำเนินชีวิตด้วยคุณธรรม จริยธรรม และที่สำคัญนักศึกษานำความรู้ที่ได้จากการเข้าค่ายในครั้งนี้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตพัฒนาตนเองและมีความสุขกับความพอเพียง

“นนท์” นนทกร เกตุแจ้ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ เล่าว่า ไม่เคยเข้าค่ายธรรมะมาก่อน ที่โรงเรียนเดิมเคยมีเข้าค่ายลูกเสือและมีการสอดแทรกธรรมะลงไปด้วย ตอนแรกเมื่อมาถึงรู้สึกเบื่อ แต่เมื่อปรับตัวได้คิดว่าเป็นโครงการที่ดีมาก เนื่องจากพระอาจารย์สอนเนื้อหาที่ใช้สื่อเข้าช่วย ไม่เบื่อ ได้แง่คิดมากมาย

เช่น พระอาจารย์สอนให้รู้เท่าทันการใช้ชีวิตวัยรุ่น ความกตัญญูต่อคุณพ่อคุณแม่ อยากให้ทางคณะจัดโครงการดังกล่าวอีก ส่วนตัวจะเข้าวัดทำบุญกับครอบครัว และจะสวดมนต์ในห้องพระที่บ้านกับคุณพ่อ เนื่องจากที่บ้านจะปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ จนติดเป็นนิสัย "วัยรุ่นอาจจะถูกมองว่าเป็นวัยที่ไม่สนใจเรื่องของธรรมะ" แต่ปัจจุบันธรรมะได้รับความสนใจจากวัยรุ่นมากขึ้น เนื่องจากมีการนำเสนอและรูปแบบที่ดึงดูดใจ เช่น การใช้สื่อเข้าเชื่อมโยง

“หยก” รฎาภรณ์ จุลเสวก นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาการเงิน เล่าว่า ได้เข้าร่วมค่ายในครั้งนี้ได้รับความรู้และข้อคิดมากมาย 2 วันที่ได้ใช้ชีวิตแบบนำหลักธรรมเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน รู้สึกว่าธรรมะไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ โดยปกติ ถ้าอยู่ที่หอจะไม่สวดมนต์ ไม่นั่งสมาธิ แต่หลังจากกลับไปจากค่าย จะเริ่มนั่งสมาธิและสวดมนต์มากขึ้น เพราะนั่งสมาธิแล้วทำให้มีสมาธิมากขึ้น เวลาเรียนจะได้มีสมาธิมากขึ้นกว่าเดิม การเข้าค่ายทำให้ได้แง่คิดดีๆ แง่คิดที่ได้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

MACIEY SZPONDER และ ADAM MICKIEWICZ นักศึกษาหลักสูตรอินเตอร์ อาสาสมัครพี่เลี้ยงที่มาช่วยโครงการครั้งนี้ เล่าว่า ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ที่ได้เข้ามาร่วมโครงการดังกล่าว “ไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุยกับพระสงฆ์ ก็ได้มีโอกาสได้พูดคุย” ประทับใจโครงการดังกล่าว ได้ร่วมนั่งสมาธิและสวดมนต์กับเพื่อนนักศึกษาไทย “วัฒนธรรมไทยเป็นสิ่งที่สวยงาม”

สิ่งที่นักศึกษาได้จากค่ายธรรมทายาทครั้งนี้ คือคุณธรรม จริยธรรมที่ได้รับการฝึกปฏิบัติจะอยู่ภายในจิตใจของตัวนักศึกษาตลอดไป เวลาที่มีเรื่องให้ตัดสินใจ เขาจะคิดก่อนตัดสินใจ ว่าสิ่งที่เกิดอยู่อะไรผิดอะไรถูกได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ที่มา : คมชัดลึก
วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554
http://www.komchadluek.net/detail/20110904/108012/ค่ายธรรมทายาทบ่มเพาะนศ..html