อาจารย์คณะครุศาสตร์ร่วมประชุมวิชาการของคุรุสภา
21 ก.ย. 54 | ข่าวมหาวิทยาลัย
157
|
ข่าวมหาวิทยาลัย |
|
อาจารย์คณะครุศาสตร์ร่วมประชุมวิชาการของคุรุสภา |
วันที่ ๒๑/๐๙/๒๐๑๑ |
เข้าชม : ๗๓๘๑ ครั้ง |
เมื่อวันที่ 14-15 กันยายน 2554 คณบดีคณะครุศาสตร์ ได้อนุมัติให้ พระสรวิชญ์ อภิปญฺโญ อาจารย์ประจำภาควิชาปริยัติธรรมและจริยศึกษา นำนิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาจิตวิทยาการให้คำปรึกษาและการแนะแนวเข้าร่วมการประชุมทางวิชาการของคุรุสภา เรื่อง “การนำเสนอผลงานวิจัยของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และผลงานนวัตกรรมของสถานศึกษา”ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร
การจัดงานครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนประมาณ 2,000 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ คณะอนุกรรมการพัฒนาเครือข่าย ฯ คณะกรรมการบริหารงาน ทั้งสองโครงการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ศึกษานิเทศก์ นักวิชาการ นักวิจัย นิสิต นักศึกษา ผู้สนใจทั่วไป และเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา การดำเนินการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการ 2 โครงการเข้าด้วยกัน คือ โครงการประชุมทางวิชาการของคุรุสภา ครั้งที่ 6 และโครงการหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม ในการดำเนินงานตามโครงการทั้งสองโครงการดังกล่าว คุรุสภามีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และสถานศึกษาได้มีการมีการพัฒนาวิชาชีพโดยใช้ “กระบวนการวิจัยเป็นฐาน” มีการสร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียน การเรียนรู้และการบริหารการศึกษา และคุณภาพการศึกษา ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการปฏิรูปการศึกษา และเป็นการยกย่องผู้ประกอบวิชาชีพและสถานศึกษาที่มีการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง
ในแต่ละปีที่ผ่านมาพบว่า ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาทั้ง 4 กลุ่มวิชาชีพ ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมของทั้งสองโครงการอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการดำเนินงานของทั้งสองโครงการมีหลายกิจกรรมที่ใกล้เคียงกัน เช่น การนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมสถานศึกษา การมอบรางวัล การนำเสนอผลงานวิจัย การแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาวิชาชีพในรูปแบบของการบรรยาย การเสวนา การปาฐกถา การจัดนิทรรศการผลงานทางวิชาการและวิชาชีพ
กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การมอบรางวัลผลงานวิจัยของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และผลงานนวัตกรรมของสถานศึกษา การปาฐกถาพิเศษ การบรรยาย การเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ คลินิกวิจัย การนำเสนอผลงาน วิจัยภาคบรรยายและภาคแผ่นป้ายนิทรรศการ รวมถึงการจัดนิทรรศการนวัตกรรมของสถานศึกษา “หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม” ซึ่งมีผู้ได้รับการคัดสรรให้นำเสนอผลงานวิจัยภาคบรรยายและภาคแผ่นป้ายนิทรรศการ จำนวน 47 คน และผู้ส่งผลงานวิจัยเข้าร่วมคัดสรรในการประชุมทางวิชาการของคุรุสภา จำนวน299 คน นอกจากนี้ยังมีผู้นำเสนอผลงานวิจัยภาคบรรยาย (ผลงานวิจัยรับเชิญ) จำนวน 12 คน
ดังนั้นการจัดการประชุมทางวิชาการของคุรุสภาในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการของคุรุสภาได้หลากหลาย ตรงตามความต้องการและทั่วถึง เป็นการขยายพื้นที่ทางวิชาการของคุรุสภาในวงกว้าง และเป็นการพัฒนาการดำเนินงานของสำนักงานในรูปแบบใหม่
จากการดำเนินการคัดสรรผลงาน "หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม" คาดว่าจะส่งผลให้โรงเรียนได้สร้างสรรค์นวัตกรรมและกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนและเป้าหมายการพัฒนา ผู้บริหาร ครู ผู้เรียน และผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนและเกิด การเรียนรู้ร่วมกัน และเกิดผลงานนวัตกรรมต้นแบบที่มีคุณภาพ มีคุณค่าทางวิชาการและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาได้รับการเผยแพร่ในวงกว้าง รวมทั้งมีการพัฒนาวิชาชีพมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ผลจากการประชุมทางวิชาการ จะส่งผลให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา มีเวทีทางวิชาการสำหรับการยกย่องผลงานวิจัย การเผยแพร่ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ มีคุณค่าทางวิชาการและมีประโยชน์ต่อการพัฒนาผู้เรียน และพัฒนาวิชาชีพครู ตลอดจนเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการวิจัยการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี รวมทั้งองค์กรวิชาชีพครูมีระบบฐานข้อมูลด้านการวิจัยที่เป็นปัจจุบัน สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาสามารถสืบค้นและนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนากระบวนการเรียนการสอน การเรียนรู้ และการบริหารการศึกษาได้ และมีจำนวนผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัยระดับประเทศ เป็นต้นแบบนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้และการบริหารการศึกษา แก่ผู้สนใจสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ นอกจากนี้เกิด “เครือข่ายประชาคมนักวิจัย” ที่มีการใช้กระบวนการวิจัยเป็นฐานในการพัฒนาวิชาชีพ อย่างเป็นระบบ ต่อเนื่องและทั่วถึง
การเข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ ยังได้รับฟังการกล่าวปาฐกถาพิเศษจาก ศาสตราจารย์ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เรื่อง “การบริหารการศึกษา” ตอนหนึ่งว่า พันธกิจของโรงเรียนมี 3 ประการสำคัญ คือ 1. การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรให้ได้ผลสูงสุดโดยต้องมีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน เช่น ที่ประเทศจีนในแต่ละวัน ครูกับนักเรียนต้องทำความเข้าใจในบทเรียนอย่างถ่องแท้จึงจะกลับบ้านได้ ไม่ใช่สอนเพื่อให้หมดคาบวิชา ทำให้ประเทศจีนไม่มีการกวดวิชา ซึ่งหากเราปลุกเร้าการเรียนการสอนให้ได้ผลสูงสุด คำครหาต่าง ๆ ก็จะหมดไป 2 .การสร้างอุปนิสัยให้แก่ผู้เรียน ซึ่งโรงเรียนควรสร้างชุดอุปนิสัยที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนและประเทศชาติโดยไม่จำเป็นต้องมากข้อ เช่น เป็นผู้จงรักภักดีต่อแผ่นดินเกิด เป็นพลเมืองดี โดยยึดถือสิทธิสาธารณะ ซึ่งหากทุกคนยึดถือสิทธิสาธารณะสังคมก็จะอยู่ได้ และ 3. ให้โอกาสผู้เรียนได้ทำงานเพื่อสร้างความเก่งตามความถนัด
องคมนตรี กล่าวต่อไปว่า การบริหารสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนโดยการบริหารหลักสูตร สามารถน้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประยุกต์ใช้ได้ คือ ประหยัด เรียบง่าย และประโยชน์สูงสุด หรือประสิทธิผลในการจัดการศึกษา ซึ่งสามารถนำการวิจัยมาช่วยในการบริหารและแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งนี้อยากให้คุรุสภาออกแบบงานวิจัยเพื่อนำมาใช้ในการบริหารสถานศึกษาให้เป็นไปตามพระบรมราโชวาท และหากมีการใช้งานวิจัยเป็นประจำก็จะช่วยให้งานดีขึ้น เกิดความคิดใหม่ ๆ และเกิดนวัตกรรมตามมา ทั้งนี้การสอนที่เรียบง่าย เข้าใจง่ายจะทำให้นักเรียนประทับใจในตัวครูได้ด้วย“นักเรียนเป็นผู้ที่น่าสงสารที่สุดในระบบการศึกษา เพราะต้องรับกรรมทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ที่เราบอกว่าเด็กเป็นศูนย์กลางของการศึกษา จริง ๆ แล้วเป็นเหยื่อของการศึกษา ความดี ไม่ดี ความถูก ไม่ถูก ของนโยบายการศึกษาเด็กรับกรรมที่สุด แล้วแต่ว่าในช่วงไหน” องคมนตรี กล่าว.
![](/userfiles/image/Educationmcu/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2_15_%E0%B8%81_%E0%B8%A2__54/page44.jpg) |
แหล่งข่าว : คณะครุศาสตร์ |
|