อธิการบดี มจร ร่วมลงนามกับศาล และสถาบันปกเกล้าเปิดหลักสูตรสันติศึกษา
พระ พรหมบัณฑิต อธิการบดี มจร. พร้อมด้วย ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และนายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมเสวนาเรื่อง การศึกษาเพื่อพัฒนาสันติภาพพลเมืองโลกอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมีการลงนามความร่วมมือในการพัฒนาโครงการปริญญาโท สาขาวิชาสันติศึกษา กับเครือข่ายมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษากว่า 85 แห่ง เพื่อร่วมกันส่งเสริมบุคลากรด้านสันติวิธี ในการลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นต่อสังคมและประเทศชาติ
พระพรหมบัณฑิต กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณเรื่องสันติศึกษา ว่า เป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมือง เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาของไทย ควรนำเรื่องของสันติศึกษามาเป็นหลักสูตรการศึกษาของไทย เพื่อเป็นแนวทางสร้างความสงบสุขให้แก่ประเทศชาติ เนื่องจากเราพบว่า เมื่อเสร็จจากสงครามเย็นก็คิดว่าโลกจะสงบสุข แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น ก็เกิดการปะทะทางอารยธรรมขึ้น เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่เกิดปัญหาแบ่งสี แบ่งฝ่าย สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น ก็ถูกอ้างอิงในเชิงไปทางการปะทะกันแห่งอารยธรรม ซึ่งไม่ใช่สงครามอุดมการณ์ทางการเมือง แต่เรากลับเอาการเมืองไปแก้มันถึงได้แก้ยาก เพราะเราจับประเด็นการแก้ปัญหาแบบเดิมในสมัยสงครามเย็นมาใช้ ซึ่งปัจจุบันเราต้องสลายความขัดแย้งด้วยองค์ประกอบทางอารยธรรม ทางวัฒนธรรม และการศึกษา มิฉะนั้น เราก็จะอยู่ในวงวนความขัดแย้งอย่างไม่รู้จบ
"มจร. ไม่ได้ออกมาในฐานะสถาบันการศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่อยากส่งสัญญาณว่า สถาบันศาสนา ก็เห็นความสำคัญของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งในปี ค.ศ. 2000 นายโคฟี่ อันนัน เป็นเลขาธิการสหประชาชาติในสมัยนั้น ได้ร่วมประชุมผู้นำศาสนากว่า 1,000 คน ที่ประชุมตระหนักว่า ในคริสต์ศตวรรษใหม่นี้ จะเกิดความขัดแย้งทางวัฒนธรรม และศาสนา ศาสนาจะถูกอ้างอิงเพื่อไปเป็นมูลเหตุความขัดแย้ง ดังนั้น ผู้นำศาสนาจึงประกาศว่า อย่าได้อ้างศาสนาไปก่อสงคราม เราไม่ต้องการให้ศาสนา ถูกใช้อ้างอิงในทางที่ผิด เช่นการสร้างความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิม ทั้งๆ ที่ผู้นำทั้งสองศาสนามีความเข้าใจอันดีต่อกัน ในระดับผู้นำศาสนา อยากจะเห็นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จึงเห็นว่า การศึกษาทางศาสนาควรออกมาทำหลักสูตรเรื่องสันติศึกษาขึ้น เพื่อผลิตวิศวกรทางด้านสันติภาพ ต้องการผู้สร้างสันติภาพ เจรจาให้เกิดความปรองดอง ผ่านองค์ความรู้ และประสบการณ์ ผลักดันสังคมไปสู่แนวทางสันติภาพ"อธิการบดีมจร.กล่าว
ศ.ดร.บวรศักดิ์ กล่าวว่า ความขัดแย้งเกิดขึ้นในโลกมาหลายยุคหลายสมัยจนถึงปัจจุบัน ทั้งระดับตัวบุคคลครอบครัว หน่วยงาน จนกระทั่งสังคม ความขัดแย้งดังกล่าวนี้ แม้แต่ในประเทศไทยเอง กรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากเรามองว่า เป็นเรื่องของการแบ่งแยกดินแดน ก็จะต้องมีกระบวนการด้านนี้เข้าไปจัดการ แต่ถ้าเรามองว่า ความขัดแย้งเกิดจากความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม ก็จะมีเครื่องมืออีกจำพวกไปจัดการ ที่ตนมองว่า เรายังไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างสันติวิธี เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้สอนแต่ความรู้สันติวิธีเพียงแค่ทฤษฎี แต่เราไม่สามารถปลูกฝังสิ่งที่เรียกว่า ทัศนคติเชิงบวกต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ ดังนั้น การจัดหลักสูตรสันติวิธี เป็นความจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองขณะนี้มากที่สุด
"ผมคิดว่า หลักสูตรดังกล่าว เหมาะสำหรับผู้นำประเทศ นักการเมือง ผู้นำทางทหาร ผู้นำทางตำรวจ โดยเฉพาะผู้นำที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษา เพราะจะทำให้เกิดมุมมอง และความคิดที่รอบด้านมากขึ้น ขณะที่นักการเมืองสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดใช้ในสังคม เพราะหลักสูตรดังกล่าว มีทั้งวิชาการสร้างสันติภาพ ลดความขัดแย้ง พุทธสันติวิธี การจัดการความขัดแย้ง การไกล่เกลี่ยโดยคนกลาง สันติธรรมทางศาสนา เป็นหลักสูตรแรกของการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การเมืองควรให้ความสำคัญ ผู้ที่จะเข้าไปแก้ความขัดแย้ง คือ ตัวผู้นำ ซึ่งการเมืองวันนี้ ถ้าเขาเริ่มคุยกัน พรรคฝ่ายค้าน พรรคฝ่ายรัฐบาลเริ่มคุยกันให้เห็นถึงความปรองดองได้ ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีที่กลุ่มต่างๆ ก็จะขยับตาม แต่ถ้าการเมืองทำไม่ได้ ก็มีอีกทาง คือ สังคมต้องช่วยกันขับเคลื่อนจนเกิดกระแสสันติขึ้นในบ้านเมือง ก็จะทำให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องทำตาม เพราะนักการเมืองต้องถือเสียงของราษฎร์เป็นสำคัญ"เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าว
นายวิรัช ชินวินิจกุล กล่าวว่า "สำนักงานศาลยุติธรรมมีความยินดีที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนหลักสูตรสันติศึกษา ของมหาจุฬาฯ เพราะในอดีตจนถึงปัจจบันนั้น สถาบันภาษามีศักยภาพในการพัฒนา และเชี่ยวชาญผู้ประนีประนอมประจำศาลเพื่อระงับข้อพิพาทมาอย่างต่อเนื่องและ ยาวนาน และเห็นสมควรที่จะนำศักยภาพดังกล่าวมาร่วมพัฒนานิสิตที่จะเข้าศึกษาและรับ การพัฒนาในหลักสูตรดังกล่าว"
"สถาบันศาลเน้นพัฒนา และแก้ไขความขัดแย้งในด้านของกายภาพ หรือนำกฎหมายมาบังคับใช้ ในขณะที่มหาจุฬาฯ นอกจากจะเป็นสถาบันทางการศึกษาของพระสงฆ์แล้ว ยังถือว่าเป็นสถาบันทางศาสนาที่จะมีจุดเด่นในการพัฒนาด้านจิตภาพของผู้คนที่ กำลังเผชิญหน้าและเข้าสู่สถานการณ์ความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย และนับวันจะยิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การร่วมพัฒนาหลักสูตรสันติศึกษา จึงมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างความสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่พลเมืองไทย" เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าว
ลิงค์ข่าว
ผู้จัดการ: http://mgr.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000007196
ไทยรัฐ : http://www.thairath.co.th/content/edu/321069
คมชัดลึก: http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=667093
เดลินิวส์: http://www.dailynews.co.th/education/179194
สำนักข่าวไทย: http://thainews.prd.go.th/centerweb/news/NewsDetail?NT01_NewsID=WNSOC5601180020015
ข่าวสด : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNVEl3TURFMU5nPT0%3D§ionid=TURNd053PT0%3D&day=TWpBeE15MHdNUzB5TUE9PQ%3D%3D |