ข่าวมหาวิทยาลัย |
'สมเด็จพระสังฆราช'สิ้นพระชนม์แล้ว | ||
วันที่ ๒๔/๑๐/๒๐๑๓ | เข้าชม : ๔๑๓๑ ครั้ง | |
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9 สมเด็จพระสังฆราช สิ้นพระชนม์แล้ว พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลไปร่วมลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่องทั้งวันเมื่อเวลา 20.28น.ของวันที่ 25 ต.ค.2556 มีแถลงการณ์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เรื่อง พระอาการประชวรของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขณะประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ฉบับที่ 9 ความว่า วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษารายงานว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระอาการโดยรวมทรุดลง ได้สิ้นพระชนม์แล้วเมื่อเวล 19.30 นาฬิกา ของวันนี้ สาเหตุเนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2556 โดยสิริพระชนมายุ 100 พระชันษา ทั้งนี้จะประดิษฐานพระศพ ณ ตำหนักเพชร ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณตึกอานันทมหิดล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่ช่วงเช้ามีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางมาลงนามถวายพระพรแด่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และนั่งสวดมนต์ภาวนาที่หน้าพระรูป เพื่อขอให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร และมีพระพลานามัยแข็งแรง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างไรก็ตามตั้งแต่ พ.ศ.2543 ปัจจุบัน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ประชวรด้วยโรคชราภาพ ตามพระอายุขัย ซึ่งแทรกซ้อนตามมาด้วยเบาหวาน ไต เป็นต้น และได้ประทับรักษาอาการพระประชวรอยู่ที่ชั้น 6 ตึกวชิรญาณ สามัคคีพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในระยะแรกที่เข้าประทับรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลเมื่อราว 10 ปีก่อน เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เสด็จกลับมาที่วัดเป็นครั้งคราว แต่ระยะหลังนี้ไม่สามารถเสด็จออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากคณะแพทย์เห็นว่าต้องได้รับการรักษาพระองค์อย่างใกล้ชิดจากคณะแพทย์ ปัจจุบันไม่สามารถสนทนาได้ เพราะเจาะพระศอ พุทธศาสนิกชนที่ประสงค์เข้าเฝ้าเยี่ยมพระองค์ที่โรงพยาบาลสามารถทำได้ แต่ต้องติดตามวันที่โรงพยาบาลอนุญาตให้เข้าเฝ้า โดยติดตามข่าวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อาคารสามัคคีพยาบาล ทั้งนี้วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา 100 ปี ในวันที่ 3 ตุลาคม 2556 ที่พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร หลังจากนั้นโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้มีแถลงการณ์เรื่อง พระอาการประชวรของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงปฏิบัติบำเพ็ญต่อพระศาสนา ประชาชน และชาติบ้านเมืองเป็นอเนกประการ ซึ่งจะขอยกมาพอสังเขป ดังนี้ ในด้านการพระศาสนา คือ การสั่งสอนพุทธบริษัททั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต พระองค์ได้ทรงปฏิบัติเป็นกิจวัตรสม่ำเสมอ นับแต่ประทานพระโอวาทสั่งสอนพระภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ ในฐานะพระอุปัชฌาย์ ทั้งในพรรษกาล และนอกพรรษกาลตลอดปีโดยมิได้ว่างเว้น จนกระทั่งพระชราพาธมาขัดขวาง จึงได้ทรงยับยั้งอยู่ในสุขวิหารธรรม ทั้งได้ประทานพระธรรมเทศนาประจำวันธรรมสวนะในวันเดือนเพ็ญและวันเดือนดับ ประทานธรรมกถาในการฝึกปฏิบัติอบรมจิต หรือที่เรียกกันว่า สอนกรรมฐาน แก่สาธุชนทั่วไปเป็นประจำทุกวันพระและหลังวันพระด้วยความใส่พระทัยตลอดมา ในฐานะองค์ประมุขแห่งสังฆมณฑล ได้เสด็จไปทรงปฏิบัติพระศาสนกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งระอุด้วยชีวิตภัยในสงบเย็นด้วยธรรมานุภาพเป็นประเดิม ต่อแต่นั้นก็ได้เสด็จไปทรงปฏิบัติพระศาสนกิจและเยี่ยมเยียนพระสงฆ์และ พุทธศาสนิกชนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วพระราชอาณาจักรเป็นประจำทุกปี มิได้ว่างเว้น อันเป็นโอกาสให้ได้ทรงทราบสภาพการณ์ของคณะสงฆ์และบ้านเมืองทั้งในทางวัฒนะ และหายนะ ซึ่งเป็นทางให้ทรงพระดำริในอันที่จะทรงอนุเคราะห์ สงเคราะห์แก่พุทธบริษัททั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตตลอดถึงประชาชนทั่วไปในท้อง ถิ่นนั้นๆ ในด้านการประกาศเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระองค์ก็ทรงพระดำริริเริ่มกิจการในอันที่จะทำให้พระพุทธศาสนาแผ่ไพศาลไปยัง นานาประเทศ เพื่ออำนวยสันติสุขแก่ชาวโลก เริ่มแต่ทรงเป็นประธานกรรมการอำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เสด็จไปดูการพระศาสนาและการศึกษาในประเทศต่างๆ ทั้งในทวีปยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย อันเป็นเหตุให้ทรงดำเนินงานพระธรรมทูตต่างประเทศ และสร้างวัดพระพุทธศาสนาขึ้นในประเทศต่างๆ เป็นครั้งแรก ในด้านการส่งเสริมการศึกษา ทรงเป็นผู้ร่วมดำริและผลักดันให้เกิดมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาขึ้นใน ประเทศไทยเป็นครั้งแรก นั่นคือ สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งต่อมาเรียกว่า มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ทั้งได้เป็นอาจารย์รุ่นแรก รวมถึงทรงพระดำริส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยมหามกุฏมาหาวิทยาลัยขยายการศึกษาใน ระดับปริญญาโท และปริญญาเอก รวมทั้งประทานทุนการศึกษาแก่พระภิกษุให้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญา เอกในต่างประเทศ ในด้านสาธารณูปการ ได้ทรงก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนวัดบวรนิเวศ 2 หลัง อาคารเรียนโรงเรียนวัดเทวสังฆาราม จังหวัดกาญจนบุรี อาคารเรียนโรงเรียนญาณสังวร จังหวัดยโสธร โรงเรียนสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต จังหวัดกาญจนบุรี ทั้งได้ประทานทุนการศึกษาแก่เด็กเรียนดีแต่ยากจนเป็นจำนวนมาก ในด้านสาธารณสุขและสาธารณกุศล เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงอำนวยการก่อสร้างตึก ภปร ตึกวชิรญาณวงศ์ และตึกวชิรญาณ สามัคคีพยาบาร ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ทรงอำนวยการสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต พร้อมทั้งพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราช ณ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โปรดให้สร้างโรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี อนึ่ง ด้วยพระบารมีธรรมของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงปกแผ่ไปยังศิษยานุศิษย์ทุกหมู่เหล่า ทำให้คณะศิษยานุศิษย์ทั้งฝ่ายคฤหัสถ์และบรรพชิต ต่างพากันคิดสนองพระเดชพระคุณโดยการร่วมมือร่วมใจกันสร้างสิ่งอนุสรณ์อัน เป็นถาวรวัตถุ เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์สุขแก่สาธารณชน ถวายใน พระนาม "ญสส" ในโอกาสและในสถานต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก อาทิ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา วัดนาควัชรโสภณ จังหวัดกำแพงเพชร โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร จังหวัดยโสธร พิพิธภัณฑ์สถานจังหวัดกำแพงเพชรเฉลิมพระเกียรติ หอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จังหวัดกาญจนบุรี หอเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระญาณสังวร วัดถาวรวราราม จังหวัดกาญจนบุรี สิ่งก่อสร้างเหล่านี้และสิ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์อีกมากมายล้วนสะท้อน พระคุณธรรมอันมากหลายให้ปรากฏเป็นรูปธรรม ที่ปวงชนพึงเรียนรู้สัมผัสได้และเป็นที่ประจักษ์แก่ใจของคนทั้งหลายตลอดไป
ที่มา : คมชัดลึกออนไลน์วันที่ 24-10-2556 |
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||