ข่าวมหาวิทยาลัย |
๓ ปีแห่งการละสังขาร ปณิธานหลวงพ่อปัญญาคืบหน้าอย่างไร | ||
วันที่ ๐๘/๑๐/๒๐๑๐ | เข้าชม : ๑๐๒๑๓ ครั้ง | |
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ เวลา ๑๐.๓๐ น. ชาวพุทธไทยทั้งประเทศต้องเกิดธรรมสังเวชเมื่อได้รับทราบข่าวการละสังขารของพระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ พระนักเทศน์ พระนักพัฒนาแห่งวัดชลประทานรังสฤษฎ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้ชื่อว่าเป็นวันฟ้าร้องไห้ ด้วยความรักความอาลัยที่มีต่อท่าน แม้หลวงพ่อจะเคยตั้งอธิษฐาน......อุโบสถไม่เสร็จไม่ตาย ซึ่งถือเป็น "มรดกธรรม" ชิ้นสุดท้ายของหลวงพ่อ แต่ปณิธานในการสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์เพื่อชาวไทยไว้มิใช่เพียงอุโบสถกลางน้ำเท่านั้น หลวงพ่อได้ตั้งปณิธานปณิธานไว้ ๔ ประการ ประกอบด้วย ๑. การสร้างพระอุโบสถกลางน้ำและวัดของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ ครบ ๓ ปีแห่งการจากไปของพระมหาเถระผู้มีคุณูปการต่อวงการพระพุทธศาสนา ณ วันนี้ สิ่งที่หลวงพ่อได้ตั้งปณิธานไว้มีความคืบหน้าไปอย่างไร มรดกธรรมที่หลวงพ่อตั้งปณิธานไว้ พระธรรมวิมลโมลี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฎ์ ปัจจุบันรับหน้าที่สืบสานปณิธานให้สำเร็จลุล่วง นับแต่หลวงพ่อละสังขารไป ชาวไทยทั่วหล้ายังคงติดตามความคืบหน้าอยู่อย่างสม่ำเสมอ พระธรรมวิมลโมลี กล่าวว่า “๓ ปีแห่งการจากไปของหลวงพ่อสิ่งที่ท่านเริ่มก่อตั้งไว้ ปัจจุบันได้ดำเนินการจนไกล้แล้วเสร็จตามความเป็นจริงแล้ว โดยเฉพาะอุโบสถกลางน้ำที่หลวงพ่อสร้างให้แก่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพื่อให้เป็นศูนย์กลางประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาเป็นที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ทดแทนสิ่งก่อสร้างที่สำคัญที่ถูกทำลายไปในครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเหลือเพียงซากปรักหักพัง ท่านกล่าวอยู่เสมอว่า คนโบราณยังสารมารถสร้างวัดวาอารามใหญ่โตไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานได้ แล้วเหตุใดในสมัยเราจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ไว้ในแผ่นดินไม่ได้ หลังจากที่ท่านได้สร้างอาคารหอพักอาคันตุกะให้แก่มหาวิทยาลัยแล้ว ท่านได้ช่วยมหาวิทยาลัยระดมทุนจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมจากที่มีอยู่เพียง ๘๔ ไร่กว่า เมื่อได้ที่ดินเพิ่มแล้วมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการขุดดินจากจุดที่สร้างอุโบสถขณะนี้ ไปถมพื้นที่ให้สูงขึ้น ทำให้มีสระน้ำขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อหลวงพ่อเห็น ท่านก็กล่าวขึ้นทันทีว่า ที่ตรงนี้แหละจะสร้างโบสถ์กลางน้ำให้พระเณรที่เรียนที่มหาจุฬาฯ ได้ใช้เป็นสถานที่ทำสังฆกรรมและเพื่อประโยชน์แก่ชาวพุทธทั่วโลก งานชิ้นนี้แสนจะยิ่งใหญ่อลังการ ถือว่าเป็นงานใหญ่ชิ้นสุดท้ายในบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อปัญญา โดยประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ณ วันนี้ อุโบสถกลางน้ำมีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้วกว่าร้อยละเก้าสิบ ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า ๑๕๐ ล้านบาทและพร้อมที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อมอบให้เป็นสมบัติของมหาวิทยาลัยต่อไป “อยากให้ชาวพุทธทั่วประเทศได้เดินทางไปดูความคืบหน้าการสร้างอุโบสถกลางน้ำว่าปัจจุบันนี้มีความสวยงามสมกับความตั้งใจของหลวงพ่อหรือไม่งบประมาณที่ใช้ในการสร้างตอนนี้ก็ใกล้หมดแล้วยังเหลือรายละเอียดบางส่วนที่ต้องปรับเพิ่มเติมในบริเวณรอบอุโบสถยังมีจิตกรรมที่สวยงาม พร้อมกันนี้ก็ได้อัญเชิญพระประธานไปปรดิษฐานในอุโบสถ และพระประจำวันเกิดไปประดิษฐานรอบศาลารายพร้อมรูปเหมือนของหลวงพ่อขนาดเท่าจริงไว้ให้พุทธศาสนิกชนสักการะบูชา ที่ตั้งใจไว้ว่าปี ๒๕๕๔ หลวงพ่อจะมีอายุครบ ๑๐๐ ปี จะประกอบพิธีมอบอุโบสถให้กับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในช่วงการจัดงานวิสาขบูชาโลก ตามปณิธานของหลวงพ่อที่ต้องการให้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของชาวพุทธทั่วโลก”
ด้านการสร้างศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทานนั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม 2553 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ ณ ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จังหวัดนนทบุรีซึ่งมีความคืบหน้าในการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อแล้ว การสร้างรพ.ศรีนครินทร์ ที่บ้านเกิดของหลวงพ่อปัญญาเมื่อหลวงพ่อมรณภาพแล้ว พระธรรมวิมลโมลี ก็ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อขออนุมัติ สร้างโรงพยาบาล ประกอบกับโชคดีที่โยมถวายที่ดิน 35 ไร่ เพื่อสร้างโรงพยาบาลเมื่อได้ที่ดินแล้วจึงได้ดำเนินการก่อสร้างตามปณิธาน ปัจจุบันด้านโครงสร้าง อาคารต่างๆ ได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้วสิ่งที่ยังขาดขณะนี้ คือ เครื่องมือแพทย์มูลค่าประมาณ 28.8 ล้านบาท โรงพยาบาลที่สร้างเป็นโรงพยาบาล 30 เตียง เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพราะ อ.ศรีนครินทร์ ยังไม่มีโรงพยาบาล แม้ว่าจะเป็นอำเภอที่มีเศรษฐกิจดี เพราะมีสวนยางพารามาก และเป็นอำเภอที่มีหลายตำบล ประชาชนมีมาก เป็นอำเภอสุดท้ายของ จ.พัทลุง โรงพยาบาลนี้มีชื่อว่า โรงพยาบาลศรีนครินทร์ (ปัญญานันทภิกขุ) เพื่อถวายพระเกียรติสมเด็จย่าที่เคยเสด็จฯ มาอำเภอนี้ เป็นอำเภอเดียวทางภาคใต้ที่ใช้พระนามสมเด็จย่า และถือว่าเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่สร้างในนามหลวงพ่อปัญญา การฝึกอบรมพระธรรมทายาท การบวชประจำเดือนที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ ปัจจุบันยังคงดำเนินการตามแบบอย่างที่หลวงพ่อเคยทำมาถือเป็นการสร้างธรรมทายาทเพื่อธำรงรักษาพระพุทธศาสนาไว้ แต่ละเดือนจะมีกุลบุตรสมัครเข้ารับการอุปสมบทไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ คน หลังบวช วัดได้อบรมถวายความรู้ตลอดระยะเวลา ๑๕ วัน โดยเน้นที่การฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานเพื่อสร้างรากฐานทางด้านจิตใจให้เป็นผู้เข้มแข็งไม่อ่อนไหวไปตามกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก นอกจากนี้ ที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ ยังได้จัดตั้งสถานีวิทยุคลื่นความถี่ FM 104.75 เปิดดำเนินการมาเกือบสองปีแล้ว สถานีวิทยุนี้สานต่อปณิธานหลวงพ่อ วันหนึ่งเปิดเทปเสียงหลวงพ่อ 2 ชั่วโมง รวมทั้งฝึกพระในวัดที่เป็นมหาเปรียญให้รู้จักจัดรายการธรรมะ สลับกับรายการศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ และหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เหล่านี้คือการสืบสานปณิธานของหลวงพ่อที่บรรดาศิษยานุศิษย์ต่างมุ่งมั่นจะสานต่อให้สำเร็จให้สมดังเจตนารมณ์ของหลวงพ่อปัญญาตั้งไว้ แม้ท่านจะละสังขารไปแล้วถึงสามปี แต่ความรู้สึกของชาวไทยยังคงมีหลวงพ่ออยู่เคียงข้างเสมอเสมือนดังท่านยังคงมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะอุโบสถกลางน้ำที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์แทนหลวงพ่อที่มีความห่วงใยต่อลูกหลานและพระพุทธศาสนา เข้าไปโบสถ์กลางน้ำเมื่อใด ภาพของหลวงพ่อยังคงติดตาตรึงใจของเราอยู่เสมอ เสมือนอมตะวาจาที่ท่านกล่าวไว้ว่า “สร้างโบสถ์ไม่เสร็จ จะไม่ตาย” ๑๐ ตุลาคมนี้ ขอเชิญศิษยานุศิษย์ไปร่วมบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายให้กับท่านที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ท่านจะได้อยู่ในใจของเราชาวไทยและชาวโลกชั่วกาลนาน ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ |
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||