ข่าวมหาวิทยาลัย |
มหาจุฬาฯสมโภชพระประธาน ยกช่อฟ้า-พระอุโบสถกลางน้ำ | |||||
วันที่ ๒๖/๑๒/๒๐๑๐ | เข้าชม : ๗๒๗๘ ครั้ง | ||||
มีพระธรรมวิมลโมลี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ จ.นนทบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ครั้นเริ่มพิธีการ นายสุเทพ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เจ้าหน้าที่สมาทานศีล พระพรหมเวที กรรมการมหาเถรสมาคม วัดไตรมิตรวิทยาราม ให้ศีล และนำคณะสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ จบแล้วประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติร่วมถวายปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จากนั้นพระธรรมวิมลโมลี พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาจุฬาฯ และรองนายกรัฐมนตรี ได้เจิมแป้ง ปิดทอง ผูกผ้าสามสี และเชิญช่อฟ้าขึ้นประดิษฐานบนหลังคาอุโบสถ ท่ามกลางคณะศรัทธาญาติโยมจำนวนมากเข้าร่วมในพิธี พระธรรมวิมลโมลี กล่าวถึงความคืบหน้าการสร้างอุโบสถ ว่า ตามที่พระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ ได้มีปณิธานก่อนที่จะมรณภาพว่า จะต้องสร้างอุโบสถกลางน้ำ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยให้เสร็จก่อนที่จะมรณภาพ ถ้าอุโบสถไม่เสร็จ จะยังไม่ตาย แต่ด้วยความชราภาพทำให้หลวงพ่อปัญญา ต้องมรณภาพลงอย่างสงบ ในวันที่ 10 ตุลาคม 2550 ก่อนที่อุโบสถหลังนี้จะแล้วเสร็จ อาตมาจึงได้เข้ามารับช่วงเพื่อสานต่อปณิธานของหลวงพ่อ ซึ่งขณะนี้การดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้วร้อยละ 90 คาดว่าประมาณปี 2555 จะแล้วเสร็จทั้งหมด จะเหลือแต่เพียงภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถที่จะต้องใช้เวลาวาดประมาณ 20 เดือน ซึ่งขณะนี้มีการใช้งบประมาณที่มาจากศรัทธาของพุทธศาสนิกชนไปแล้วประมาณ 163 ล้านบาท พระธรรมวิมลโมลี กล่าวต่อว่า อุโบสถนี้ออกแบบโดยนายภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ ปี 2537 ประเภทสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) รูปแบบของอุโบสถจะมีรูปแบบที่ต่างจากอุโบสถวัดอื่นๆ เพราะนอกจากจะเป็นอุโบสถกลางน้ำแล้ว ยังมีการสร้างให้มีลักษณะซ่อนรูป กล่าวคือ หากมองจากภายนอกจะเห็นว่าอุโบสถมีเพียงชั้นเดียว แต่ความจริงแล้วจะมีชั้นใต้ดินอยู่บริเวณใต้ลานของอุโบสถด้วย สามารถจุพระสงฆ์ได้ถึง 4,000 รูป ขณะที่บริเวณโดยรอบฐานของอุโบสถด้านนอกจะใช้หินทรายเขียวซึ่งเป็นหินแบบเดียวกับที่ใช้สร้างปราสาทหินนครวัด ประเทศกัมพูชา มาแกะสลักเกี่ยวกับวัฒนธรรมของภาคต่างๆ ทั้งนี้ ที่ด้านข้างของฐานอุโบสถจะมีบานประตูรายรอบ ที่บานประตูแต่ละบานจะมีการสลักเป็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีจุดที่น่าสนใจ คือ มีการสลักเป็นรูปหมีแพนด้า 'หลินปิง' ขณะอยู่ในอ้อมกอดของแม่ 'หลินฮุ่ย' ส่วนด้านในของฐานอุโบสถ จะเป็นภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังเรื่องศีล 5 และภาพวาดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ที่เกิดในประเทศไทย เพื่อเป็นการจารึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของไทยไว้ด้วย ส่วนพระประธานในอุโบสถมีชื่อว่า "พระรัตนโกสินทร์ทรงเครื่อง" เป็นพระพุทธรูปปางปราบพระยาชมพูบดีหรือปางทรงเครื่อง ขณะที่บริเวณด้านหน้าของอุโบสถจะประดิษฐานรูปเหมือนของหลวงพ่อปัญญา ขนาดเท่าองค์จริง ส่วนศาลารายรอบอุโบสถจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิด ด้านพระธรรมโกศาจารย์ กล่าวว่า อุโบสถแห่งนี้ถือว่าเป็นอุโบสถกลางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะสามารถจุพระสงฆ์ได้ถึง 4,000 รูป จุดเริ่มการก่อสร้างมาจากที่หลวงพ่อปัญญาฯ ต้องการสร้างศาสนสถานให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้อัศจรรย์ใจ เพราะท่านเห็นว่าคนสมัยก่อนยังสร้างศาสนสถานได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจได้ ทำไมคนสมัยนี้จะทำบ้างไม่ได้ เมื่อปี 2548 หลวงพ่อปัญญา เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ วังน้อย เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารที่พักสงฆ์ที่ท่านอนุเคราะห์สร้างให้กับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ท่านก็เห็นสระน้ำภายในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ และท่านก็บอกเลยว่าจะสร้างอุโบสถขึ้นกลางสระน้ำแห่งนี้ และเริ่มดำเนินการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม เมื่ออุโบสถแล้วเสร็จ ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จะสร้างวัดขึ้นอีก 1 แห่ง เนื่องจากนางทองเล็ก ไม้ตราวัฒนา และครอบครัว ได้มาถวายที่ดินเขตติดต่อกับอุโบสถให้กับทางมหาวิทยาลัย จำนวน 12 ไร่ และด้านข้างของมหาวิทยาลัยอีก จำนวน 3 ไร่ จึงขออนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ ที่มา; วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7332 ข่าวสดรายวัน หน้า 29 ฝ่ายประชาสัมพันธ์แลเผยแผ่/ข้อมูล |
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||