วันที่ ๒-๖ ตุลาคม ๒๕๕๔
คณาจารย์คณะพุทธศาสตร์
พระมหานพดล ปุญฺญสุวฑฺฒโก
หัวหน้าภาควิชาพระพุทธศาสนา
ดร.สุดารัตน์ บรรเทากุล
อาจารย์คณะพุทธศาสตร์
ได้รับเชิญไปเสนอบทความ
ในการประชุมสัมมนา
เรื่อง....พระถั๋งซำจั๋ง
ณ เมืองย่านซื่อ โล่วหยาง
มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน
on October 2-6,2011
The Fourth International Symposium on Xuanzang
at Yanshi, Louyang, Henan, China.
![](/userfiles/image/BUDDHISM/xuanzangpic3.jpg)
พระถังซัมจั๋ง หรือ เสวียนจั้ง(Xaunzang)
มีชีวิตอยู่ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๒
เรื่องราวของการเดินทางไกลจากเมืองซีอาน
นครหลวงของราชวงศ์ถัง
ไปสู่ดินแดนแคว้นมคธ และพุทธสถานของพระพุทธองค์
เป็นเวลายาวนานกว่า ๑๗ ปี(พ.ศ. ๑๑๗๑-พ.ศ. ๑๑๘๘)
ระยะทางทั้งสิ้นกว่า ๑๕,๐๐๐ ไมล์
เรื่องราวของการเดินทางของท่านบันทึกไว้
ในหนังสือชื่อ ไซอิ๋วกี่(Journey to the West)
แปลว่า จาริกไปในตะวันตก (คือประเทศอินเดีย)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/TamTangRouteMap.jpg)
ท่านเกิดที่เมืองย่านซื่อ - ฉางอาน ในมณฑลเหอหนาน
บิดาชื่อ ไหวย ชื่อเดิมของท่านคือ เสวียนจั้ง(Xaunzang)
เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี จึงบวชเป็นสามเณรที่เมืองลกเอี๋ยง
พออายุครบ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ
ด้วยความสามารถและสติปัญญาในพุทธศาสนา
และวิธีการแสดงธรรมเทศนาสั่งสอนที่เข้าใจง่าย
จึงเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าถังไทจง
จักรพรรดิ์พระองค์ที่สองของราชวงศ์ถัง
(พ.ศ. ๑๑๗๐-พ.ศ. ๑๑๙๓)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Xuanzangpic4.jpg)
ท่านเดินทางเข้าไปสืบพระพุทธศาสนา ณ ประเทศอินเดีย
ตามเส้นทางสายผ้าไหมจากฉางอาน เข้าสู่ทะเลทรายโกบี
ผ่านช่องทางน้ำแข็งบนภูเขาเทียนชานด้วยความยากลำบาก
เกือบเสียชีวิตหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก็เดินทางถึง
แคว้นแคชเมียร์(กัษมีร์) ได้รับการต้อนรับจากกษัตริย์แห่งแคว้นกัษมีร์
ให้พำนักและอนุญาตให้คัดลอกคัมภีร์ทางพุทธศาสนานานกว่า ๒ ปี
จากนั้นได้เดินทางต่อมายังแคว้นปัญจาบ เข้าสู่อินเดียเหนือ
ตามเส้นทางไปสู่มืองมถุรา และเมืองต่าง ๆ ในลุ่มแม่น้ำคงคา
ท่านยังได้ไปเยี่ยมสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
ณ กรุงกบิลพัสดุ์ ลุมพินี สาวัตถี กุสินารา พาราณสี พุทธคยา
ปาฏลีบุตร (ปัตนะ) ราชคฤห์ และเข้าศึกษาพระธรรมคำสอนเพิ่มเติม
ในมหาวิทยาลัยนาลันทาเป็นเวลา ๕ ปี
![](/userfiles/image/BUDDHISM/xuanzangpic1.jpg)
ในช่วงนี้ ท่านยังเดินทางไปเยือนแคว้นคุชราต
ทางตะวันตกและเดินทางเข้าสู่แคว้นคันธาราฐ
ผ่านตักศิลา(ในปากีสถาน )เข้าสู่นครกปิศะและเมืองบามิยาน
และเดินทางกลับมาพำนักจำพรรษา ที่มหาวิทยาลัยนาลันทาอีกครั้งหนึ่ง
ความสามารถในการเทศนาธรรม และความรู้สติปัญญา
ที่ชาญฉลาดในการแก้ปัญหาทางพระพุทธศาสนา
และความขัดแย้งระหว่างนิกายต่าง ๆ ของท่าน
ทำให้เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าหรรษะวรรธนะ
(ศีลาทิตย์ พ.ศ. ๑๑๔๙ - ๑๑๙๐)
ราชวงศ์โมขรีส แห่งนครธเนศวรที่ประสบความสำเร็จ
ในการสถาปนาจักรวรรดิ์ขึ้นใหม่ปกครองอินเดียเหนือ
หลังจากที่ราชวงศ์คุปตะเสื่อมถอยลง
พระเจ้าหรรษะวรรธนะทรงมีความศรัทธา
ในพุทธศาสนานิกายมหายาน ทรงเป็นองค์อุปถัมภก
นิกายมหายานที่นาลันทา เมื่อท่านปรารภว่าจะเดินทางกลับ
พระองค์ก็ทรงพยายามเหนี่ยวรั้งมิให้ท่านเดินทางกลับ
สู่ประเทศจีนหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดก็จำต้องอนุญาต
พร้อมกับพระราชทานรถเทียมม้า 20 คัน
พระถังซัมจั๋ง เดินทางกลับจีนพร้อมทั้งนำพระไตรปิฎก
ฉบับภาษาสันสกฤตกลับมาด้วย ท่านเดินทางถึงเมืองหลวงของจีนคือ
เมืองฉางอาน ในปี พ.ศ. 1188 ในสมัย พระเจ้าถังไท่จง
พระองค์ทรงเป็นปราชญ์ผู้เลื่อมใสในพระพุทธ ศาสนา
จึงทรงอุปถัมภ์การแปลพระไตรปิฎก จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีน
และ พระเจ้าถังไท่จงได้ทรงอาราธนาพระถังซัมจั๋ง
ให้เขียนบันทึกการเดินทางไปอินเดีย
จึงปรากฏหนังสือเรื่อง ต้าถังซีวีจี้
ในรัชกาลต่อมาพระเจ้าถังเกาจง พระองค์ทรงรับอุปถัมภ์
งานแปลพระไตรปิฎกต่อ พระถังซัมจั๋งดำเนินงานต่อไป
จนมรณภาพในปี พ.ศ. 1207 อายุได้ 63 ปี
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Xaunzang01.JPG)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Xaunzang02.JPG)
3 ตุลาคม 2554
ร่วมพิธีเบิกพระเนตร ณ วัดพระถังซัมจั๋ง ย่านซื่อ โล่วหยาง
New Xuanzang Temple, Yanshi, Louyang, Henan.
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Xaunzang03.JPG)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Xuanzang001.jpg)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Xaunzang05.JPG)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Yanshi01.jpg)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Yanshi02.jpg)
4 ตุลาคม 2554
เสนอบทความและสัมมนานานาชาติเรื่อง พระถังซัมจั๋ง
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Yanshi03.jpg)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Yanshi04.jpg)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/IMG_7339.JPG)
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Xuanzang002.jpg)
5 ตุลาคม 2554
เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมือง ย่านซื่อ Yanshi, Louyang
และ ถ้ำพระสลักหินหลงเหมิน Longmen Glottoes
ริมสองฝั่งแม่น้ำลั่วเหอ เมืองโล่วหยาง
ถ้ำหลงเหมิน
ถ้ำหลงเหมิน เป็นถ้ำพุทธศาสนา
มรดกโลก 1 ใน 4 ของประเทศจีน
ข้อมูลของสถาบันวิจัยถ้ำหลงเหมิน พบว่า
ทั้งภูเขาแห่งนี้มีถ้ำเป็นจำนวนทั้งสิ้นถึง 2345 ถ้ำ
มีศิลาจารึกที่มีประโยชน์ในการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์
และโบราณคดี 2800 ชิ้น พระเจดีย์ 40 องค์
และพบพระพุทธรูปศิลาจำหลักหินถึง 97,306 องค์
องค์ที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดสูงถึง 17 เมตร
จึงถือว่าเป็นคัมภีร์ถาวรเล่มหนึ่งมาจนถึงทุกวันนี้
ถ้ำหลงเหมิน หรือ 'ประตูมังกร' มีความวิจิตรแห่งพุทธศิลป์
เป็นวัดโบราณในพุทธศาสนาที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของจีน
อยู่ห่างจากเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนานไปราว 12 กิโลเมตร
อยู่ที่บริเวณเทือกเขาเซียงฉาน (Xiangshan)
หรือที่ชาวจีนเรียกว่า 'เนินเขาตะวันออก'
และตั้งประจันหน้าพื้นที่เนินเขาหลงเหมินฉาน (Longmen Shan)
หรือ 'เนินเขาตะวันตก'
การเจาะสลักหน้าผาแห่งนี้ เริ่มขึ้นในปี พ.ศ.1036 หรือ ค.ศ.493
ในรัชสมัยจักรพรรดิซวนอู่ (Xaowen)
นับมรดกของโลกที่แสดงถึงความเจริญของการเผยแพร่
ทางศาสนาพุทธในประเทศจีนที่ยังมีให้พวกเราได้เห็นจนถึงทุกวันนี้.
พระมหานพดล ปุญฺญสุวฑฺฒโก
รายงานสด...สายตรง
จาก...เมืองย่านซื่อ โล่วหยาง
มณฑลเหอหนาน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
5 ตุลาคม 2554
![](/userfiles/image/BUDDHISM/Longmen%20Glottoes.jpg) |