![]() |
นักสันติวิธีชี้หลักพระพุทธศาสนาสามารถคลี่คลายความขัดแย้งในสังคมไทยได้ | ||
วันที่ ๑๒/๐๓/๒๐๑๒ | เข้าชม : ๕๓๙๑ ครั้ง | |
วันนี้ คณะสังคมศาสตร์ได้เปิดเวทีการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง "กระบวนทัศน์พระพุทธศาสนากับการคลี่คลายความขัดแย้งในสังคมไทย" โดยมีนักสันติวิธีทั้งพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ผศ.ดร. ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และพล.อ. เอกชัย ศรีวิลาส ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้าร่วมนำเสนอแนวทางคลี่คลายความขัดแย้งตามกระบวนทัศน์ของพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ ท่านพระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ รองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ และ ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไปมาร่วมงานและเป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา โดยมีนิสิตคณะสังคมศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ทั้งปริญญาโท และเอกร่วมฟังการเสวนากว่า ๒๐๐ รูป/คน นักสันติวิธีทั้งสองท่านได้นำเสนอกระบวนทัศน์เกี่ยวกับความขัดแย้ง และข้อเสนอที่น่าสนใจ และสอดรับกันว่า (๑) ความขัดแย้งในตัวของมันเองเป็นได้ทั้งบุญและบาป จงนำความขัดแย้งมาเป็นเครื่องมือในพัฒนาตนเอง และองค์กร ทั้งในแง่ของการป้องกัน แก้ไข และเปลี่ยนผ่าน (๒) เริ่มและเร่งจัดการความขัดแย้งภายในจิตของตนเอง (๓) กำหนดท่าทีของตัวเองต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม (๔) แยกให้ออกว่า อะไรคือความจริงของความจริง และอะไรคือความจริงของความรู้สึก เพราะการแยกด้วยหลักกาลามสูตรมีผลต่อตัวเอง และสังคม (๕) ศึกษา และวิจัยแง่มุมเกี่ยวกับสันติภาพ ความขัดแย้ง และสันติวิธีในมิติต่างๆ (๖) เปิดพื้นที่เพื่อนำผลของการศึกษาค้นคว้ามาร่วมแลกเปลี่ยน (๗) นำเสนอผลจากการแลกเปลี่ยนผ่านสื่อทางสังคม หรือสื่อหลักต่างๆ เพื่อเปิดพื้นที่ให้แก่สันติวิธีได้ทำงาน (๘) สร้างเครือข่ายสันติภาพทั้งภายในประเทศ และภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประชาคมอาเซียน ในขณะที่พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ผศ.ดร. มองว่า หลักการที่ถือได้ว่า "น่าจะ" เป็นหนึ่งในกระบวนทัศน์การคลี่คลายความขัดแย้งในสถานการณ์ปัจจุบัน คือ "หลักสาราณียธรรม" ธรรมเป็นเครื่องรำลึกนึกถึงกัน โดยสามข้อแรกนั้น เป็นประดุจการ "วางท่าทีในเชิงบวก" ต่อเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ร่วมโลกและสังคม ไม่ว่าจะเป็นการคิด การพูด หรือแสดงออกต่อกันอยู่บนฐานของเมตตา ซึ่งเป็นการรัก เคารพ และให้เกียรติต่อเพื่อนมนุษย์ ในขณะที่ข้อที่ ๔ คือ "สาธารณโภคี" เน้นการแบ่งปันผลประโยชน์ ความต้องการ อำนาจ และทรัพยากรอย่างเสมอภาคที่เน้นความเท่าเทียม เที่ยงธรรม เป็นธรรม และยุติธรรม ถึงกระนั้น การจะแบ่งปันโดยให้ฝ่ายต่างๆ เกิดความพึงพอใจที่พอรับได้ และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนั้น จำเป็นต้องอาศัยข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เป็นธรรม ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นต้องใช้ข้อที่ ๕ คือ สีลสามัญญตา ซึ่งเป็นการจัดวาง หรือออกแบบกติกาทางสังคม หรือกฎหมายต่างๆ ที่ฝ่ายต่างๆ ยอมรับได้ และเห็นสอดรับกันว่า กติกาดังกล่าวไม่ได้เอื้อ หรือให้คุณหรือให้โทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากจนเกินไป อย่างไรก็ดี การที่จะได้มาซึ่งกติกา หรือกฎเกณฑ์ที่แต่ละฝ่ายยอมรับได้นั้น จำเป็นต้องสร้างเวที หรือเปิดพื้นที่ให้แต่ละฝ่ายได้แสดงความคิดเห็น เพื่อสะท้อนความต้องการ หรือข้อห่วงใย ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีข้อที่ ๖ คือ "ทิฐิสามัญญตา" ซึ่งเป็นการปรับทัศนคติ ปรับแนวคิด และปรับทิศทางของอุดมการณ์ให้สามารถยอมรับได้ เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้จากการนำเสนอนั้น ไปวางเป็นกรอบ และแนวทางในการออกแบบกติกา และกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เอื้อต่อการแบ่งปันอำนาจ ผลประโยชน์ และความต้องการเกี่ยวกับทรัพยากรในโอกาสต่อไป |
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||
![]() ![]() |