ยูเนสโกมอบรางวัลเยี่ยมวัดประยุรวงศาวาส เหตุบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์ ยก'กะดีจีน-คลองสาน'ชุมชนสันติสุข ต้นแบบปรองดองสมานฉันท์'พุทธ-คริสต์-อิสลาม'
เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2557 ที่บริเวณลานพระบรมธาตุมหาเจดีย์ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มีการจัดพิธีมอบรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ 1 (Award of Excellence) ให้โครงการบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์วัดประยุรวงศาวาส ด้านการอนุรักษ์ทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) โดยมีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ซึ่งนายกวางโจ คิม ผู้อำนวยการสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ อ่านประกาศคำสดุดีและมอบรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ 1 โครงการบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์ วัดประยุรวงศาวาส" จากองค์การยูเนสโก แก่พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส เจ้าคณะภาค 2 กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร)
พระพรหมบัณฑิต กล่าวว่า วัดประยุรวงศาวาส ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากรให้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์พระบรมมหาเจดีย์และพริน ทรปริยัติธรรมศาลาเมื่อปี 2549 ใช้เวลาดำเนินการทั้งหมด 6 ปี แล้วเสร็จเมื่อปี 2554 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 38 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะสงฆ์และชุมชนรอบวัด ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้รับคัดเลือกจากสมาคมสถาปนิกสยามให้ได้รับรางวัล อนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่นประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม โดยเข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี 2554 และล่าสุดเมื่อปี 2556 โครงการนี้ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกประกาศได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ 1 ด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกนับเป็นครั้งแรก ที่ประเทศไทยได้รับรางวัลนี้
"เกณฑ์การให้รางวัลรักษาสิ่งที่มรดกอันทรงคุณค่าเป็นโบราณสถานไว้อย่างดี มีการบูรณะคงรูปลักษณ์เดิม ไม่ทำลาย และ พระบรมธาตุมหาเจดีย์และพรินทรปริยัติธรรมศาลาเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยมีทุก ฝ่ายร่วมกันบูรณะ เมื่อทำเสร็จยังคงคุณค่าประโยชน์ใช้สอยอย่างสมบูรณ์?เป็นศูนย์รวมทางจิตใจ เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวชุมชน เชื่อมโยงกับโบสถ์ของศาสนาคริสต์ และมัสยิดของศาสนาอิสลามซึ่งพระบรมธาตุมหาเจดีย์เป็นเจดีย์ที่สร้างในสมัย อยุธยา และมีเสาแกนกลางที่ยังเหลืออยู่แห่งเดียวในไทยสามารถเดินเข้าไปชมด้านในได้" พระพรหมบัณฑิต กล่าว
ยก'กะดีจีน-คลองสาน'ชุมชนสันติสุข
ขณะเดียวกันนายกฤษศญพงษ์ ศิริอธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานศาสนิกสัมพันธ์ :เสวนาทางศาสนาเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน "3 ศาสนา 4 ความเชื่อ" ย่านกะดีจีนและคลองสาน สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ว่า ศน.ร่วมกับผู้นำศาสนา 5 ศาสนา ศาสนิกชน เยาวชนจากสถานศึกษาต่างๆรวมถึงประชาชนในพื้นที่กว่า 500 คนเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจระหว่างศาสนาเฉลิมฉลองพิธีสมโภชพระ อารามหลวงวัดประยูรวงศาวาส มีอายุครบ 186 ปี ซึ่งวัดถือเป็นศูนย์กลางที่ชาวชุมชนกะดีจีนและชุมชนคลองสานมีความหลากหลาย ทั้งศาสนาทั้งพุทธ คริสต์ และอิสลามแบ่งเป็นชุมชนหลัก 7 ชุมชน อาทิ ชุมชนกุฎีขาว ชุมชนวัดกัลยาณ์ชุมชนตรอกช่างนาก-ชุมชนสะพานขาว ชุมชนมัสยิดบางหลวง ศาลเจ้าเกียนอันเกงโบสถ์ซางตาครู้ส ศาลเจ้าพ่อกวนอู โดยอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
อธิบดี ศน. กล่าวว่า สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้เน้นย้ำให้คนในชุมชนได้น้อมนำหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางหลักในการดำรงชีวิตรวมทั้งส่งเสริมให้ผู้นำ ศาสนาในชุมชนต่างๆได้ร่วมจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่คนในชุมชนและส่งเสริม ให้ชุมชนกะดีจีนและชุมชนคลองสานนี้เป็นชุมชนต้นแบบนำร่องการเรียนรู้วิถี ชีวิตของแต่ละศาสนาเพื่อให้อยู่อย่างสันติสุขปราศจากความขัดแย้งทางศาสนา และ ศน.ขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆที่มีความหลากหลายทางศาสนาต่อไป
พระพรหมบัณฑิต กล่าวว่าย่าน 3 ศาสนา 4 ความเชื่อ พุทธ คริสต์ อิสลาม คือมีวัด โบสถ์ มัสยิด และศาลเจ้าอยู่ร่วมกันมาประสานกลมกลืนเป็นสังคมที่พึ่งพาอาศัยกันและทำ กิจกรรมร่วมกันทำ และที่ผ่านมา วัดประยุรวงศาวาสได้รับความร่วมมือจากผู้นำศาสนาในการจัดกิจกรรมต่างๆ อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือศาสนาอื่นๆ จัดกิจกรรม อาทิ การจัดงานลอยกระทง วันคริสตมาส งานอิสลาม วันตรุษจีน ต่างๆ โดยยึดถือนโยบายบวร บ้าน และราชการ โดยมีวัดประยุรวงศาวาสเป็นศูนย์กลาง โดยขณะนี้ วัดได้ส่งเสริมให้ชุมชนย่านะดีจีนและคลองสาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมให้ผู้นำศาสนาและคนในชุมชนได้นำท่องเที่ยวชม เอกลักษณ์ของแต่ละชุมชนอีกด้วย
ที่มา : คมชัดลึกออนไลน์วันที่ 23-04-2557 |