มหาเถรตั้งผู้แทนคุยวธ.ปัญหาวัดกัลยาฯ | ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ ที่หอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม พระพรหมเมธี(จำนงค์ธมฺมจารี) โฆษกและกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) กล่าวแถลงข่าวภายหลังประชุมมส.ว่าที่ประชุมได้หารือกรณีกรมศิลปากรเข้าไปทุบรื้ออาคารศาลาราย ๒ หลังภายในวัดกัลยาณมิตรเนื่องจากทางวัดได้ทุบรื้อโบราณสถานและสร้างอาคารใหม่ขึ้นมาแทนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากรซึ่งที่ประชุมมส.เป็นห่วงในเรื่องนี้กระทบต่อพุทธศาสนาและวัดที่มีโบราณสถานซึ่งได้ปรับปรุงเสนาสนะต่างๆภายในวัดโดยในที่ประชุมนั้นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม)เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามและกรรมการมส.เสนอความเห็นว่าการขึ้นทะเบียนวัดเป็นโบราณสถานทางกรมศิลปากรควรกำหนดลงไปให้ชัดเจนว่าจะขึ้นทะเบียนสถานที่ใดภายในวัดให้เป็นโบราณสถาน เช่น เจดีย์ วิหาร โบสถ์เพื่อให้วัดบูรณะได้ง่ายโดยไม่ผิดกฎหมายโบราณสถานแต่กรณีวัดกัลยาณมิตรมีการขึ้นทะเบียนโบราณสถานทั้งวัดทำให้เมื่อเจ้าอาวาสบูรณะเสนาสนะต่างๆจึงเกิดปัญหาขึ้น ขณะที่หลักพระธรรมวินัยมีข้อกำหนดไว้หากเจ้าอาวาสรูปใดไม่ทำนุบำรุงวัดที่อยู่ของสงฆ์ให้ดี ก็มีโทษปรับอาบัติด้วย พระพรหมเมธี กล่าวอีกว่า ที่ประชุมมส.จึงได้ตั้งผู้แทนกรรมการมส.๒ รูปคือ พระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน) และพระพรหมบัณฑิต(ประยูร ธมฺมจิตโต) ไปศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายโบราณสถานและคำพิพากษาของศาลปกครองกรณีวัดกัลยาณมิตรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อวัดต่างๆและพิจารณาด้วยว่ากฎหมายโบราณสถานที่กรมศิลปากรอ้างนั้นเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่วัด นอกจากนี้ให้ไปหารือกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)เพื่อขอให้กรมศิลปากรยุติการทุบรื้ออาคารต่างๆภายในวัดกัลยาณมิตรซึ่งวัดสร้างขึ้นมาแทนโบราณสถานเดิมด้วยและให้มีการหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน โดยไม่ควรไปทุบอาคารอื่นๆอีกเพราะต้องคำนึงถึงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่บริจาคเงินให้วัดสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆจึงอยากให้หลักคิดไว้ว่า ไม่มีเจ้าอาวาสวัดไหนในแผ่นดินจะทำให้วัดเลวลงมีแต่จะทำให้เจริญขึ้น“ (กองสื่อสารองค์กร มจร. รายงาน) ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์