ราวหนึ่งทุ่มของวันที่ 17 สิงหาคม เสียงกัมปนาทได้ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เปลวเพลิงโหมลุกวาบก่อนดับไป

สิ้นเสียง "ปีศาจร้าย" คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไป 20 คน ทำร้ายผู้คนไปมากว่าร้อย ฝากรอยแผลทางจิตใจให้ทั้งชาวไทยและต่างชาติ

และเพื่อเยียวยา "บาดแผล" ดังกล่าว เรียกความเชื่อมั่น ศรัทธา และความหวังกลับคืนกลับมาสู่ผู้คนให้เร็วที่สุด "พิธีทำบุญ 5 ศาสนา" อันประกอบด้วย พุทธ คริสต์ อิสลาม ซิกข์ แลtพราหมณ์-ฮินดู ถูกกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีหัวเรี่ยวหัวแรงอย่างกรุงเทพมหานคร นำโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยสำนักนายกรัฐมนตรี หน่วยงานรัฐ และผู้ประกอบการเอกชน ที่ต่างร่วมมือร่วมใจกันจัดงานนี้ขึ้น

บรรยากาศที่หน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ สี่แยกราชประสงค์ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 21 สิงหาคม คลาคล่ำไปด้วยประชาชนพร้อมใจกันแต่งชุด "ขาว-ดำ"มาเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต รวมทั้งบุคลากรจากหน่วยงานรัฐและเอกชน อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจย่านราชประสงค์ และ นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานคณะที่ปรึกษาบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด รวมถึง นายภคพล สิงห์รอ และ นายสิทธิศักดิ์ สัตย์มั่น ญาติผู้เสียชีวิตที่ยังคงโศกเศร้าจากเหตุมิคาดฝัน
นาฬิกาบอกเวลา 07.00 น. ฤกษ์พิธี เริ่มต้นขึ้นด้วยการบวงสรวงแบบพราหมณ์ที่ศาลท้าวมหาพรหม โดยมีผู้ประกอบพิธีคือ "พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ" พล.อ.ประวิตรจุดธูปเทียนที่กระบะเครื่องทอง โปรยข้าวตอกดอกไม้มงคล พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณอ่านโองการสักการะท้าวมหาพรหม และถวายเครื่องบวงสรวง

ต่อมาทางคณะเดินข้ามถนนมายังบริเวณหน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ ทำพิธีสักการะพระตรีมูรติ และ พระพิฆเนศ เทพเจ้าในศาสนาฮินดู และจึงเริ่มพิธีทำบุญ 5 ศาสนา โดยทุกศาสนาได้ทำพิธีกรรมอย่างพร้อมเพรียงกัน

     ทั้งนี้ ทางศาสนาพุทธได้นิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป เริ่มพิธีด้วยการสวดพระพุทธมนต์ ร่วมถวายสังฆทานและทอดผ้าไตร จากนั้น พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ขึ้นกล่าวธรรมกถา กรวดน้ำอุทิศให้กับผู้เสียชีวิต
"ความรุนแรงเป็นเรื่องที่ไม่ควรยอมรับ ดังนั้น คนไทยต้องอยู่ร่วมกันโดยปราศจากความรุนแรง"
"ที่สำคัญที่สุดคือ เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวร"
นี่คือสิ่งที่พระพรหมบัณฑิตฝากเป็นข้อคิด
    ด้านพุทธนิกายมหายาน ได้นิมนต์พระสงฆ์จีนนิกายรวม 21 รูป นำโดย หลวงจีนธรรมรัตน์ ประจักษ์ จากวัดทิพยวารีวิหาร ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย นำสวดพระพุทธมนต์ พระสูตรมหายาน เพื่อส่งวิญญาณผู้ตายสู่แดนสุขาวดี พร้อมถวายเครื่องบูชา อาหาร ผลไม้ และเผากระดาษเงิน กระดาษทอง ตามความเชื่อจีนให้แก่ผู้เสียชีวิต

    ฝั่งศาสนาคริสต์ มีการรวมตัวของทุกนิกาย นำโดยมองซินญอร์ ดร.วิษณุ ธัญญอนันต์ รองเลขาธิการสภาประมุขฯ เป็นผู้นำในการทำพิธีทางศาสนา และได้ร่วมประสานเสียงร้องเพลง "จิตใจภาวนา" และ "พักพิงในพระเจ้า" พร้อมอ่านบทไว้อาลัย และอธิษฐานขอการอวยพรจากพระผู้เป็นเจ้าแก่ประชาชนชาวไทย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บให้ปลอดภัย

    เช่นเดียวกับทางศาสนาอิสลาม นำโดย นายชัช หะซาเล็ม เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพฯ ประกอบพิธีขอพร (ดุอาห์) ให้ประเทศไทยพ้นจากภยันตราย และภัยพิบัติต่างๆ พร้อมทั้งให้มีสิริมงคลรุ่งเรือง

    ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู จุดประทีปบูชาองค์เทพเจ้า ก่อนจะมีการสวดบูชาองค์เทพเจ้า

    พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ อธิบายว่า เป็นการสวดเพื่อขอขมากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอประทานพรให้เพื่อนร่วมโลก และขอให้ดวงวิญญาณกลับไปสู่พระพรหม

   ศาสนาซิกข์ นำโดย นายอัศวิน สิงห์สัจเทพ ผู้นำคณะบริหารสมาคมศรีคุรุสิงห์สภา พร้อมด้วยนายมาฮินเดอร์ซิงห์ จำปี และ ศาสนาจารย์ เจริญ ยิต ซิงห์ ได้ร่วมประกอบพิธีสวดทางศาสนาและพิธีอัรดาส เพื่อขอให้วิญญาณอยู่ในอุ้งมือของพระผู้เป็นเจ้า และให้มีกำลังใจในการต่อต้านสิ่งเลวร้ายต่างๆ

   ปิดท้ายด้วยพิธีไว้อาลัยแด่ผู้วายชนม์ เริ่มจากการอ่านบทกวีแด่ผู้วายชนม์ โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ควบคู่ไปกับเสียงขลุ่ยของ ธนิตย์ ศรีกลิ่นดี รวมถึงบทกวีของ วสันต์ สิทธิเขต และการขับร้องเพลงประสานเสียง เพลง "รักกันไว้เถิด" และ"สามัคคีชุมชน" จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

จากนั้นผู้นำศาสนาทั้งหมด พร้อมด้วยประชาชนที่ได้มาร่วมกันวางดอกไม้ใต้กรอบรูปที่บรรจุรายชื่อผู้เสียชีวิตเพื่อไว้อาลัย เป็นการเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด

ดีนา ยุติธรรม และ วราภรณ์ พงค์พิศ ผู้เข้าร่วมงาน ได้ให้สัมภาษณ์ร่วมกันว่า มาร่วมงานในวันนี้ เพื่อร่วมอธิษฐานและภาวนาแก่ผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่สูญเสีย เพราะรู้ดีว่าพวกเราต่างต้องทุกข์ทนกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น

"วันนี้เป็นการแสดงให้เห็น ไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาใดก็ตาม เราต่างเป็นพี่น้องกัน เป็นเพื่อนร่วมโลกใบเดียวกัน จากนี้เราต้องร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อที่จะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปให้ได้"สองสาววัยกลางคนร่วมกันกล่าว

แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้สูญเสีย แต่ "เคิร์ก สก็อตต์"ชาวอเมริกัน ผู้มีภรรยาเป็นคนไทยก็ได้มาเข้าร่วมงานนี้เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"ผมรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆ วันนั้นแค่ผมติดต่อภรรยาที่ทำงานใกล้กับที่เกิดเหตุไม่ได้ ผมยังรู้สึกเครียดและวิตก ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่าความรู้สึกของผู้สูญเสียคงไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ ผมยังคงเชื่อมั่นในประเทศไทยเสมอ และหวังว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ความสามัคคีของคนไทยทุกคนกลับมาเป็นดังเดิม"

ขณะที่นักท่อ′เที่ยวหนุ่มชาวญี่ปุ่น "เทราอุจิ ทาคาโน่" กล่าวว่า รู้สึกกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และเสียใจเมื่อรู้ว่ามีเพื่อนร่วมชาติได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ แต่ถึงอย่างไรคงไม่สามารถที่จะอยู่เฉยได้ จึงเดินทางมาที่ศาลท้าวมหาพรหมเพื่อสักการะ และแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิต

"ผมมาอธิษฐานทั้งเรื่องของผมเอง และอธิษฐานให้ผู้บาดเจ็บทุกคนหายโดยไว ถ้าถามว่าผมจะกลับมาที่ประเทศไทยอีกหรือไม่ ผมยืนยันว่าจะกลับมาอีกอย่างแน่นอน และจะกลับมาสักการะท้าวมหาพรหมอีกครั้งด้วย"

ปิดท้ายที่ "ชอง ยิปซู" ชาวมาเลเซีย กล่าวว่า เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมชาติ และหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

"ยังมีอีกหลายที่ที่ผมอยากจะท่องเที่ยวในประเทศไทยอีก ดังนั้น ผมจะกลับมาเที่ยวอีกครั้ง และเชื่อว่าประเทศไทยจะก้าวผ่านเหตุการณ์อันโศกเศร้านี้ไปได้"

เหล่านี้คือบรรยากาศที่เกิดขึ้นไปพร้อมกับ"การลุกขึ้นอีกครั้ง" ของผู้สูญเสียและสังคม