เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2564 เวลา 13.00 น. คณะกรรมการตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับสถาบัน ประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา เมฆขำ ประธานกรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.เชวศักดิ์ รักเป็นไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิคม มูลเมือง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัจฉราพร ศรีภูษณาพรรณ และอาจารย์ไฉไลฤดี ยุวนะศิริ นำเสนอข้อมูลผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา 2563 โดยมีพระธรรมวัชรบัณฑิต, ศ.ดร.อธิการบดี และผู้บริหารของมหาวิทยาลัย เข้าร่วมฟังผลการประเมิน ผ่านการประชุมออนไลน์ ซึ่งผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อยู่ในระดับ "ดีมาก" ได้คะแนน 4.53 จากคะแนนเต็ม 5
การประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับสถาบัน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีการศึกษา 2563 ได้ดำเนินการในวันที่ 26 – 28 ตุลาคม พ.ศ.2564 ตามกระบวนการในระบบประกันคุณภาพของมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย โดยใช้ตัวบ่งชี้และเกณฑ์ประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับสถาบัน ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) 13 ตัวบ่งชี้ และตัวบ่งชี้เพิ่มเติมของมหาวิทยาลัยตามมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ.2561 จำนวน 7 ตัวบ่งชี้ ซึ่งประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ 1) การผลิตบัณฑิต 2) การวิจัย 3) การบริการวิชาการ 4) การทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม และ 5) การบริหารจัดการ รวมทั้งสิ้น 20 ตัวบ่งชี้
มีส่วนงานจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยใช้เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ EdPEx “Education Criteria for Performance Excellence” จำนวน 2 ส่วนงาน คือ วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติและวิทยาลัยสงฆ์นครน่านเฉลิมพระเกียรติฯ
รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา เมฆขำ ประธานกรรมการ กล่าวถึงจุดเด่นของมหาวิทยาลัยว่า การบริหารจัดการหลักสูตรมีผลการประเมินระดับหลักสูตรในระดับดีมากและดีในสัดส่วนระดับที่สูง มหาวิทยาลัยมีระบบการตรวจสอบและติดตามงานวิจัยพร้อมทั้งผลักดันส่งเสริมให้คณาจารย์มีผลงานวิจัยเพื่อเสนอแหล่งทุนภายนอก การบริการวิชาการด้านพระพุทธศาสนามีเครือข่ายความร่วมมือกับหลายภาคส่วนและมีการดำเนินงานร่วมกันจนเกิดผลสัมฤทธิ์ที่มีความยั่งยืนและมีผลกระทบระดับชาติ มีความโดดเด่นด้านการจัดกิจกรรมเพื่อสืบสานรักษาและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและมีพื้นที่ทำงานทั่วประเทศ ผู้บริหารระดับสูงมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการดำเนินการของมหาวิทยาลัยเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์การเป็น “มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาระดับโลก”พร้อมกันนี้ ยังได้นำเสนอจุดที่มหาวิทยาลัยควรพัฒนา ไว้ว่า 1) ควรทบทวนการกำหนดศักยภาพของบุคลากรเพื่อรองรับการทำงานตามยุทธศาสตร์ในอนาคตและจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับทิศทาง โดยการพัฒนาบุคลากร 3 กลุ่ม (1) การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ (2) การพัฒนาสมรรถนะตามศาสตร์สาขา (3) การพัฒนาผู้บริหารยุคใหม่ 2) ควรมีนโยบาย มาตรการ พร้อมทั้งหาเจ้าภาพหลักในการเลือกพื้นที่ต้นแบบ/ชุมชนต้นแบบ และสนับสนุนให้อาจารย์และนักวิจัยพัฒนานวัตกรรมต่อยอดเพื่อการใช้ประโยชน์ มีผลกระทบที่ก่อให้เกิดการพัฒนากลุ่มเป้าหมาย หรือพื้นที่รับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นเป็นรูปธรรมเชิงประจักษ์ที่ชัดเจน 3) ควรทบทวนกระบวนการถ่ายทอดแผนพัฒนามหาวิทยาลัยสู่การจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงสอดคล้องกันรวมทั้งสื่อสารนโยบายสำคัญให้ชัดเจน นอกจากนี้ ควรทบทวนกระบวนติดตามผลการดำเนินงานของแผนปฏิบัติการและแผนพัฒนามหาวิทยาลัยเพื่อให้ทราบผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานและปรับปรุงได้ทันเวลา 4) ควรพิจารณาการนำเกณฑ์คุณภาพระดับสากลมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทเพื่อความเป็นนานาชาติ และ 5) ควรตรวจสอบข้อกำหนดในการตรวจประเมินประกันคุณภาพภายนอก เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับการประเมิน
![](https://www.mcu.ac.th/directory_uploads/summernote_gallery/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C/2564/10/qa3.PNG)