ข่าวประชาสัมพันธ์
แนวทางการส่งเสริมอุดมศึกษาร่วมสร้างประเทศไทยน่าอยู่
23 ก.ย. 53 | ข่าวมหาวิทยาลัย
327
ข่าวมหาวิทยาลัย
แนวทางการส่งเสริมอุดมศึกษาร่วมสร้างประเทศไทยน่าอยู่
วันที่ ๒๓/๐๙/๒๐๑๐ เข้าชม : ๖๒๐๐ ครั้ง
       เมื่อวันอังคารที่ 21 กันยายน 2553 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาเสนอ ทั้ง 3 ข้อ ดังนี้
  1. ให้ความเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมอุดมศึกษาร่วมสร้างประเทศไทยน่าอยู่ และให้กระทรวงศึกษาธิการและสถาบันอุดมศึกษาใช้เป็นแนวทางหลักร่วมกัน เพื่อสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่
  2. ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมตามแนวทางการส่งเสริมอุดมศึกษาร่วมสร้างประเทศน่าอยู่ตามความเหมาะสม
  3. ให้กระทรวง ทบวง กรม และองค์กรอิสระต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรับทราบและให้ความร่วมมือ สนับสนุน ส่งเสริมการดำเนินการของสถาบันอุดมศึกษาตามภารกิจดังกล่าว

สาระสำคัญของเรื่อง

        กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้ศึกษาวิเคราะห์ผลจากการประชุมระดมความคิดเห็นเรื่องประเทศไทยน่าอยู่ เมื่อวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2553 โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับคณะกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และสกอ. โดยมีผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยของรัฐ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และมหาวิทยาลัยเอกชนร่วมกันให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะที่จะช่วยแก้ปัญหาวิกฤตของชาติ โดยสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานตามแผนปรองดองแห่งชาติ ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2553 และกรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2551-2565) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบหลักการแล้ว เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 และได้จัดทำข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมอุดมศึกษาร่วมสร้างประเทศไทยน่าอยู่ มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

1. เป้าประสงค์

       ส่งเสริมบทบาทสถาบันอุดมศึกษาให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและร่วมเป็นแกนหลักของแต่ละพื้นที่ในกระบวนการสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยการพัฒนาให้มีสายงานวิชาการรับใช้สังคม (social impact) พัฒนาระบบการผลิตกำลังคนของประเทศที่มีอุดมการณ์เพื่อส่วนรวมและมีความเป็นพลเมือง และมีการให้บริการวิชาการที่มาจากการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นและสอดคล้องกับแผนพัฒนาพื้นที่

2. พันธกิจ

  • 2.1 พัฒนาสายวิชาการเพื่อรับใช้สังคม (social impact) และสร้างกระบวนการให้เกิดการยอมรับในวงการวิชาการในประเทศและนานาชาติ
  • 2.2 สถาบันอุดมศึกษาทุกประเภททุกแห่งร่วมดูแลพื้นที่กับองค์กรหรือหน่วยงานส่งเสริมการพัฒนาและกำหนดเป็นตัวชี้วัดของทุกสถาบันอุดมศึกษา
  • 2.3 ส่งเสริมขบวนการนักศึกษาให้มีอุดมการณ์เพื่อส่วนรวม มีส่วนร่วมในการแก้วิกฤตของประเทศและการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น และมีความเป็นพลเมือง

3. ยุทธศาสตร์

       3.1 พัฒนาวิชาการสายรับใช้สังคม
       3.2 หนึ่งมหาวิทยาลัยหนึ่งจังหวัด
       3.3 จัดตั้งศูนย์จัดการความรู้เพื่อพัฒนาจังหวัดในทุกสถาบันอุดมศึกษา
       3.4 การสร้างความเป็นพลเมืองของนิสิตนักศึกษา 
       3.5 การสร้างบรรยากาศเพื่อการปรับตัวของสถาบันอุดมศึกษา

4. ผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินการ ดังนี้

  • 4.1 ทางตรง
    • บัณฑิตมีคุณภาพ มีประสบการณ์จริงในการทำงาน กับชุมชนและท้องถิ่น มีความตระหนัก และเข้าใจสามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐานของชุมชนและท้องถิ่น และสามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานในท้องถิ่น
    • บัณฑิตมีความเป็นพลเมืองมีสมรรถนะในการคิด วิเคราะห์ รู้จักการสังเคราะห์ข้อมูลข่าวสารที่มาจากแหล่งต่างๆ ได้อย่างมีเหตุผล มีจิตอาสา มีความสามารถในการสร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน สังคม และประเทศ ซึ่งนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม รู้จักการทำงานในเครือข่ายกับท้องถิ่นระดับจังหวัดและระดับประเทศ
    • ชุมชน ท้องถิ่น จังหวัด กลุ่มจังหวัด มีกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกับนักศึกษาหรือบัณฑิต มีการนำเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับแปลงให้เหมาะสมที่จะประยุกต์ใช้ทั้งด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมในท้องถิ่น มีนักศึกษาและครูอาจารย์มาร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สนับสนุนการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อครัวเรือน

 

  • 4.2 ทางอ้อม
  • มหาวิทยาลัยสามารถปฏิรูปบทบาทและหน้าที่ในการพัฒนาวิชาการที่รับใช้สังคมเป็นหลัก ควบคู่กับบทบาทในการเป็นผู้นำทางวิชาการในระดับประเทศ มีการเชื่อมโยงองค์ความรู้จากท้องถิ่นสู่ระดับชาติและระดับสากล
  • มหาวิทยาลัยสามารถผลิตบัณฑิตที่มีความเป็นพลเมือง เคารพกติกาสังคมภายใต้ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
  • สังคม ชุมชน ทุกภูมิภาคมีความเท่าเทียมกัน เกิดความเป็นธรรมในการรับบริการการศึกษาจากรัฐ เป็นการขจัดความไม่เป็นธรรมในสังคม ลดช่องว่างในสังคม เป็นสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุข มีความเอื้ออาทรต่อกัน ยอมรับในความแตกต่าง

 

ข้อมูลอ้างอิง : http://www.eppo.go.th/admin/cab/cab-2553-09-21.html#19
ข้อมูลเกี่ยวข้อง : http://www.thaihealth.or.th/node/13065

แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ
Print This Page    Sent to Friend
แสดงความคิดเห็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • พระพรหมวัชรธีราจารย์,ศ.ดร. อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมตตาเป็นประธานปิดโครงการพัฒนาบุคลากรและนิสิตเพื่อเป็นพระวิปัสสนาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย
    25 ม.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    126
  • มจร ถวายการปฏิสันถาร และฟังพระธรรมเทศนาพิเศษ H.E.Vairochana Rinpoche และคณะ
    21 ม.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    235
  • ทำบุญปีใหม่ มจร 2568 จับฉลากล ลุ้นรางวัล
    15 ม.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    156
  • พิธีถวายพระพรชัยมงคลและเจริญพระพุทธมนต์ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่ากับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช ๒๕๖๘
    15 ม.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    300
  • "อ.เบียร์ คนตื่นธรรม" ข้ากราบสักการะ "พระเทพวัชรสารบัณฑิต" ปมเปรียบพระเกจิกับสุนัข
    11 ม.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    214