ข่าวมหาวิทยาลัย |
สกอ ให้ มจร ผ่านการประเมิน ๒.๗๑ ระดับ ดีมาก | ||
วันที่ ๒๔/๐๙/๒๐๑๐ | เข้าชม : ๙๒๒๖ ครั้ง | |
มจร วังน้อย ๒๒ กันยายน ๕๓ :พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เปิดเผยว่า “จากการที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)ได้ตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับสถาบันมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย รอบปีการศึกษา ๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๐-๒๒ กันยายน ๒๕๕๓ ซึ่งมีคณะกรรมการตรวจประเมินประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ดร. วิเชียร ชิวพิมาย มหาวิทยาลัยวงศ์เชาวลิตกุล รองศาสตราจารย์ชารี มณีศรี มหาวิทยาลัยบูรพา พลเรือตรีหญิง ดร. สุภัทรา เอื้อวงศ์ มหาวิทยาลัยสยาม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. โกนิฏฐ์ ศรีทอง คณะสังคมศาสตร์ เป็นกรรมการ และอาจารย์ไฉไลฤดี ยุวนะศิริ วิทยาเขตเชียงใหม่ มจร วังน้อย ๒๒ กันยายน ๕๓ : พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เปิดเผยว่า “จากการที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ได้ตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับสถาบันมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย รอบปีการศึกษา ๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๐-๒๒ กันยายน ๒๕๕๓ ซึ่งมีคณะกรรมการตรวจประเมินประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ดร. วิเชียร ชิวพิมาย มหาวิทยาลัยวงศ์เชาวลิตกุล รองศาสตราจารย์ชารี มณีศรี มหาวิทยาลัยบูรพา พลเรือตรีหญิง ดร. สุภัทรา เอื้อวงศ์ มหาวิทยาลัยสยาม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. โกนิฏฐ์ ศรีทอง คณะสังคมศาสตร์ เป็นกรรมการ และอาจารย์ไฉไลฤดี ยุวนะศิริ วิทยาเขตเชียงใหม่ ผลการประเมินตามองค์ประกอบมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ใน ๙ องค์ประกอบ คือ ปรัชญา ปณิธาน วัตถุประสงค์และแผนการดำเนินการ การเรียนการสอน กิจกรรมการพัฒนานิสิต การวิจัยการบริการวิชาการแก่สังคมการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมการบริหารและการจัดการการเงินและงบประมาณและระบบและกลไกการประกันคุณภาพ ได้ผลคะแนน ๒.๗๑ อยู่ในระดับดีมาก ซึ่งเป็นผลที่น่าพอใจ
พระธรรมโกศาจารย์ กล่าวอีกว่า “คณะกรรมการตรวจประเมิน ได้กล่าวถึงภาพรวมของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คือ ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์มีความรู้ความสามารถ อีกทั้งมหาวิทยาลัยมีเครือข่ายเป็นที่ยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ มีการบริหารเชิงรุกที่จะพัฒนามหาวิทยาลัย ให้เกิดความก้าวหน้า มหาวิทยาลัยมีทุนทางสังคมสูงโดยได้รับการสนับสนุนจากสังคมที่เอื้อต่อการพัฒนาพันธกิจด้านต่างๆ ของสถาบันให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ มีการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบในการพัฒนาสถาบันให้เป็นศูนย์กลางของสถาบันการศึกษาทางพุทธศาสนา ทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ นอกจากนี้ สถาบันยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับจิตใจของพุทธศาสนิกชนและผู้สนใจโดยการเปิดสอนหลักสูตรพระอภิธรรมบัณฑิตของอภิธรรมโชติกะวิทยาลัย และวิปัสสนาภาวนา ของวิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยมีจิตใจเป็นพุทธ พร้อมจะทุ่มเทเสียสละเพื่อมหาวิทยาลัย มีปัจจัยด้านโครงสร้างระบบและสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะรองรับการพัฒนา และการขยายตัวในอนาคต มีศาสตร์เฉพาะสาขาที่เป็นเอกลักษณ์ของสถาบันที่สามารถให้บริการวิชาการได้อย่างกว้างขวาง” นอกจากนี้ คณะกรรมการได้เสนอแนะในการพัฒนาที่ยิ่งขึ้นไปคือ มหาวิทยาลัยควรพัฒนาระบบสารสนเทศ/ฐานข้อมูลด้านต่างๆ ให้ทันสมัยและเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการและการดำเนินการ และการมีวิทยาลัย/ห้องเรียนเครือข่ายกระจายในภูมิภาคต่างๆ มหาวิทยาลัยจึงควรมีมาตรการ/ระบบและกลไกในการควบคุม ตรวจสอบคุณภาพการดำเนินการและผลผลิตในด้านต่างๆ ตามพันธกิจให้เกิดคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ควรจัดหาอาจารย์ต่างประเทศบรรจุเป็นอาจารย์ประจำเพื่อรองรับความเป็นนานาชาติ จัดทำฐานข้อมูลบุคลากรที่แสดงถึงความรู้ความชำนาญ เผยแพร่ใน Website เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ศักยภาพเชิงวิชาการของคณาจารย์เพื่อนำมาซึ่งชื่อเสียงในวงวิชาการและวิชาชีพ ส่งเสริมคณาจารย์ในการศึกษาต่อเพื่อยกระดับความรู้ โดยให้เข้าศึกษาในสถาบันที่หลากหลายทุกภูมิภาคของโลกรวมทั้งการรับคณาจารย์จากภายนอก เพื่อให้เกิดความหลากหลายทางวิชาการ จากผลการประเมินดังกล่าว จะเป็นแนวทางในการพัฒนามหาวิทยาลัยสู่สถาบันการศึกษาที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการพระพุทธศาสนาของชาวไทยและชาวโลก ดังที่มหาวิทยาลัยกำหนดทิศทางไว้ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่/ข่าว/ภาพ
|
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||