วันนี้ (๑ ส.ค.๕๔) พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙,Ph.D.) ศาสตราจารย์  อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงมหาวิทยาลัยในการจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในช่วงแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ระยะ ๑๑ (๒๕๕๕-๒๕๕๙)  ณ ห้องประชุม ๔๐๑ อาคารสำนักงานอธิการบดี ซึ่งดำเนินการจัดประชุมโดยกองแผนงาน สำนักงานอธิการบดี

                พระธรรมโกศาจารย์กล่าวว่า "การจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัยระยะ ๑๑ เน้น  ระบบภูมิคุ้มกัน ด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยงให้เพียงพอพร้อมรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง เน้นสู่ความสมดุลและเชื่อมโยงทุกมิติของการพัฒนาอย่างบูรณาการและเป็นองค์รวม ในรอบ ๑๐ ปีที่ผ่านมา (แผน ๙-๑๐) มหาจุฬาฯ มีความเป็นแปลงและขยายตัวอย่างมาก  เช่นแผนการเปิดหลักสูตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ หรือ ปบส. ปัจจุบัหลักสูตร ปบส.เปิดอยู่ ๔๔ จังหวัด และเมื่อเปิดแล้วก็จะยกฐานะเป็นหน่วยวิทยบริการ เมื่อมีการขยายส่วนงานออกไป จำเป็นต้องดูแลเรื่องคุณภาพการศึกษา การบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นการจัดทำแผนระยะ ๑๑ จะต้องวิเคราะห์ตัวเองให้ชัดเจน อันไหนเป็นจุดแข็ง นำไปต่อยอด  อันไหนเป็นจุดอ่อนควรปรับปรุง จุดไหนเป็นโอกาส สิ่งไหนเป็นภัยคุกคาม "

                 พระธรรมโกศาจารย์ ได้กล่าวถึงลักษณะการบริหารโดยแบ่งเป็นลักษณะดังนี้ "การบริหารแบบรักษาสถานะ เป็นการบริหารตามเสียงเรียกร้องของผู้เรียน, บริหารตามสถานการณ์หรือตามกระแส,การบริหารเชิงรุกและเชิงรับ สิ่งที่ต้องการคือการประชุมแบบ Proactive จะเป็นการแก้ไขปัญหา มหาวิทยาลัยจำเป็นจะต้องทวบทวนในหลายๆ เรื่อง เช่นการยกโครงการขยายห้องเรียน, หน่วยวิทยบริการ, วิทยาลัยสงฆ์, วิทยาเขต การรับสถาบันสมทบในและต่างประเทศ จำเป็นต้องปรับปรุงกฏระเบียบ ขั้นตอนต่างๆ ใช้ชัดแจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำกับดูแลเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษา, แผน ๑๑ ของ มจร. ต้องมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือแผนชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นการสร้างระบบภูมิคุ้มกัน, ปรับปรุงสิ่งที่เป็นความเสียงเช่น การรับนิสิตต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นทุกปี, การบริหารจัดการด้านงบประมาณ, การบริหารจัดการด้านกฎระเบียบต่างๆ ที่เดี่ยวข้องกับนิติการต้องมีความถูกต้อง, มีการพัฒนาด้านบุคลากร การวิเคราะห์อัตรากำลังเกี่ยวกับการเกษียรณอายุ พร้อมกันจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรใหม่ให้ทันกับบุคลากรที่จะเกษียรณ, พัฒนาภาวะผู้นำวิชาการด้านพระพุทธศาสนา, ผู้นำด้านบริหาร เพื่อสืบต่องานของมหาวิทยาลัยในอนาคต"

                 พระธรรมโกศาจารย์กล่าวต่อไปว่า "ในแผน ๙-๑๐ ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้ลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านอาคารสถานที่ มีการระดมทุนความพร้อมต่างๆ ทั้งส่วนกลาง วิทยาเขต และวิทยาลัยสงฆ์ มีการสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที)  ในแผน ๑๑ จะต้องพัฒนาระบบวิดีโอคอนฟอร์เรน คือการเรียนการสอนทางไกล ให้สอดคล้องกับการเปิดและขยายสาขาต่างๆ เพื่อลดการลงทุนด้านบุคลากร ประหยัดงบประมาณของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการลงทุนที่ส่วนกลาง ใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งวิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์ ทั้งในและต่างประเทศ มีการพัฒนาระบบการเรียนการสอนทางไกล, ระบบวิดีโอออนดีมาน"

                 ในโอกาสนี้พระธรรมโกศาจารย์ยังย้ำถึงแผน ๑๑ จำเป็นต้องเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ นั้นคือ คุณภาพการเรียนการสอน, พัฒนาจำนวนหนังสือ-สื่อการศึกษา,ระบบบริหารจัดการ,บุคลากรให้มีความรู้ความสามาร,เน้นพัฒนาระบบการเรียนการสอน,ระบบมาตรฐานต่างๆ การประกันคุณภาพการศึกษา, มีการนำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-books บรรจุในแผนพัฒนามหาวิทยาลัยระยะ ๑๑ ต่อไป

                  ด้านแผนพัฒนาห้องสมุดมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นศูนย์กลางห้องสมุดพระพุทธศาสนา พระธรรมโกศาจารย์กล่าวว่า "ปัจจุบันห้องสมุดมหาจุฬาฯ มีแนวโน้มดีขึ้นมาก มีการนำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-books มาใช้ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีประเด็นสำคัญๆ เช่น การวิเคราะห์จำนวนผู้เรียนที่เป็นชาวต่างชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมีนิสิตที่เป็นชาวต่างประเทศมากที่สุดในประเทศไทย เป็นรองเพียงมหาวิทยาลัยเอเบคเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษารับรอง, ประเด็นเรื่องการสอนภาษาไทย, ภาษาอังกฤษในกับนิสิตต่างประเทศ, ระบบช่วยเหลือนิสิตต่างประเทศ, การพัฒนามหาวิทยาลัยเป็นศูนย์กลางการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา, การเป็นผู้นำการวิจัยด้านพระพุทธศาสนา, การยกระดับเชื่อมโยงของสมาคมวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ (IABU), สมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก (ICUNDV) ให้เชื่อมกับองค์กรยูเนสโก UNESCO และสหประชาชาติ (United Nations), การสร้างเครือข่ายนักวิจัยด้านพระพุทธศาสนาในระดับนานาชาติ,การสร้างงานวิจัยด้านพระพุทธศาสนา,การสร้างวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ,การยกระดับสถาบันภาษา,การสร้างสถานีวิทยุ,โทรทัศน์เพื่อการเรียนการสอน-การประชาสัมพันธ์,การพัฒนาหลักสูตรพระสังฆาธิการเพิ่ม เช่นหลักสูตรเทสนา,หลักสูตรพุทธศิลป์ เพื่อบริการจัดการวัด,การเปิดหลักสูตรสำหรับฆราวาสเช่นหลักสูตรพระไตรปิฎก เน้นจัดทำแผนที่มีภูมิคุ้มกันและบูรณาการทุกด้าน" 
               ควิกเพื่อดูฐานข้อมูหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ๒,๐๐๐,๐๐๐ เล่ม   

               พระครูสุตกิจบริหาร  (ขุนทอง) ผศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา กล่าวว่า "มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ดำเนินการจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัยในช่วงแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาระยะ ๑๐ (๒๕๕๐-๒๕๕๔) เพื่อมุ่งสู่ความเป็น "ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนา" ที่เน้นการบูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาจิตใจและสังคม มีวิสัยทัศน์เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาระดับนานาชาติ ที่สร้างคนดีและเก่งอย่างมีสมรรถภาพ จัดการศึกษาและวิจัยดีอย่างมีคุณภาพ บริการวิชาการดีอย่างมีสุขภาพ และบริหารจัดการดีอย่างมีประสิทธิภาพ" โดยผ่านความการรับฟังความคิดเห็นเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ แล้วจัดทำร่างแผน ยึดพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัย นำมาจำแนกเป็นยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ และตัวชี้ในการดำเนินงานเป็นกรอบแนวทาง เสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายและแผนเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๐ คณะทำงานได้จัดระดมความคิดเห็น ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๒ ผ่านสภามหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๒ ในครั้งนี้เป็นการจัดประชุมผู้บริหารระดับสูง เพื่อจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัย ระยะ ๑๑ โดยแบ่งเป็น ๕ ด้านคือ ด้านการผลิตบัณฑิต, ด้านการวิจัย, ด้านการบริหารวิชาการแก่สังคม, ด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและเผยแผ่พระพุทธศาสนา และด้านการบริหารจัดการ โดยข้อสุดท้ายเป็นการเพิ่มในแผนระยะ ๑๑ นี้"

                 พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ (ประสาร จนฺทสาโร) รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ กล่าวว่า "การจัดทำแผน ๑๑ ต้องการให้มีการเขียนเป็นแผนและดำเนินการตามแผนที่วางไว้ โดยแผน ๑๑ โดยเฉพาะด้านการประชาสัมพันธ์ จะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาอุดมศึกษา เป้าหมายสูงสุดของบริหารมหาวิทยาลัย เพื่อกำหนดทิศทางมหาวิทยาลัยอย่างชัดเจน, สังคมต้องการอะไรจากมหาวิทยาลัย โดยประชาสัมพันธ์จะสร้างเครือข่ายวิทยุ-โทรทัศน์ เชื่อมโยงส่วนกลาง วิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์ เพื่อการประชาสัมพันธ์ การเรียนการสอน พร้อมกันนี้จะต้องกำหนดวิสัยทัศน์ที่มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ผู้บริหารแผนฯ จะต้องคิดไกล กล้าคิด กล้าอธิบาย รวมทั้งให้ทุกส่วนงานมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ การรวมศูนย์จำเป็นต้องบริหารจัดการภายในหลักธรรมาภิบาลด้วย"

                   ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป  กล่าวว่า "แผนพัฒนามหาวิทยาลัยระยะ ๑๑ ท้าทายความเป็นมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ จำเป็นต้องพัฒนาแผนให้สอดคล้องกับแผนชาติ, แผนอุดมศึกษา แผนพัฒนาของรัฐบาล บนฐานคิดของอธิการบดี และที่สำคัญคือต้องสามารถประเมินของ สกอ. สมศ. รวมทั้งการดำเนินงานตามแผนพัฒนาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งคลัด"

                  พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ (ไสว) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศและรักษาการผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ กล่าวว่า "มหาจุฬาฯ เกิดขึ้นจากความเสียสละ แผนฯ ๑๑ ควรจะเชื่อมโยงกับคณะสงฆ์ทั้งในและต่างประเทศให้ได้ รวมทั้งมีส่วนร่วมของทุกส่วนงาน มหาวิทยาลัยควรจะกำหนดเป้าหมายเพื่อเป็นคลังความรู้ คลังปัญญา คลังวิจัย ด้านพระพุทธศาสนา เพื่อสังคมโลก"

                  ศ.ดร.จำนงค์ อดิวัฒนสิทธิ์ กล่าวว่า "มหาจุฬาฯ ต้องจัดทำแผนเชิงรับและเชิงรุก กล้านำหน้า สนองงานคณะสงฆ์ สนองงานประชาคมโลก รุกเรื่องการให้บริการแก่สังคมให้มากขึ้น นำผลประเมินต่าง เช่น สมศ. ผลการประเมินภายใน, ความต้องการสังคมภายนอก, การสำรวจความต้องการจากรัฐ คณะสงฆ์ องค์กรชาวพุทธ ภาคเอกชนชุมชน ผู้เรียน ควรมีการสำรวจความต้องส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาผลกระทบสังคม รวมทั้งให้มีการกระจายอำนาจการตัดสินใจมากยิ่งขึ้นด้วย"

                  พระสุธีวรญาณ รศ.ดร. รองอธิการบดีวิทยาเขตนครราชสีมา อาจารย์อาวุโสมหาวิทยาลัย กล่าวว่า "ควรจัดทำแผนก่อสร้างอาคารหอพักนิสิตให้เพียงพอกับจำนวนนิสิตที่เพิ่มขึ้น, มีแผนพัฒนาศาสนทายาท รวมทั้งวางแผนต่อยอดนิสิตที่มีความฉลาด เพื่อวางแผนเป็นผู้บริหารในอนาคตต่อไป"
 นายสรายุทธ อุดม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผนงบประมาณ  กล่าวว่า "มหาวิทยาลัย เตรียมสร้างอาคารหอพักนิสิตที่สามารถจุนิสิตได้ ๒,๐๐๐ รูป/คน และอาคารหอพักอาคันตุกะ ขนาด ๕ ดาว สามารถรองรับคนได้ ๔๐๐ รูป/คน เพื่อรองรับจำนวนบุคลากร นิสิต และผู้ใช้บริการต่างๆ ในอนาคต"

                ช่วงบ่ายเป็นการเสวนาเกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัยระยะ ๑๑

               โดยพระธรรมโกศาจารย์กล่าวสุดท้ายว่า "มหาวิทยาลัยเป็นองค์กรใหญ่ มีระบบบริหารจัดการ การจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัยระยะ ๑๑ เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มีความโปร่งใส  นำแผนงานโครงการต่างๆ บรรจุในแผนพัฒนามหาวิทยาลัย มีผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน  เป็นที่ยอมรับของประชาคมมหาจุฬาฯ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องปรับแผนฯ เป็นระยะ เพื่อให้การบริหารงานมีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน สร้างแผนพัฒนามหาวิทยาลัยให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล แก้ปัญหาตรงจุด มีหลักธรรมาภิบาล"

               สำหรับการจัดทำแผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ระยะ ๑๑ (พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๙) กองแผนงานจะดำเนินการจัดทำรายละเอียดประกอบเพิ่มเติม นำเสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายและแผน คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย โดยผ่านความเห็นชอบของผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ประชุมผู้บริหารระดับสูง ตามลำดับก่อนจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป

                  อนึ่งในวันเดียวกัน ที่ประชุมได้ร่วมกันแสดงมุทิตาพระธรรมโกศาจารย์ (ศาสตราจารย์ ดร.ประยูร ธมฺมจิตโต) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่ได้รับรางวัลปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย จากกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๔ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบ 
 
   แหล่งข่าว/ภาพ โดยกองแผนงาน สำนักงานอธิการบดี
   สกู๊ปข่าวโดย พระมหาศรีทนต์ สมจาโร ผู้อำนวยการส่วนหอสมุดกลาง