![]() |
ผู้แทน มส และคณะร่วมชุมนุมภาวนาเพื่อสันติภาพโลก ณ กรุงโรม อิตาลี่ | ||
วันที่ ๓๐/๑๐/๒๐๑๑ | เข้าชม : ๖๒๕๕ ครั้ง | |
กรุงโรม อิตาลี่; ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ พระพรหมโมลี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร พร้อมด้วย พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกณราชวิทยาลัย ดร.อำนาจ บัวศิริ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและคณะ โดยการมอบหมายจากมหาเถรสมาคม ได้เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อสันติภาพโลก ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี่ สืบเนื่องจากที่ พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ ๑๖ ประมุขศาสสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ได้จัดชุมนุมผู้นำศาสนาต่างๆ ในระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงโรม และเมือง อัสซีซี ประเทศอิตาลี่ ซึ่งสมณกระทรวงว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาคริสต์คาทอลิกกับศาสนาอื่นๆ ของสำนักวาติกัน ได้ประสานเชิญผู้แทนพระพุทธศาสนาของไทยเข้าร่วมชุมนุม ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติมอบให้ พระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคมและพระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นผู้แทนคณะสงฆ์ไทยเดินทางไปเข้าร่วมประชุม เมื่อคณะผู้แทนได้เดินทางถึงกรุงโรม เช้าวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ ฯพณฯ สมศักดิ์ สุริยวงศ์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโรม ได้ถวายการต้อนรับที่สนามบินและอาราธนาไปยังสถานเอกอัครราชทูตและได้บำเพ็ญกุศลถวายภัตตาหารเพล พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้กล่าวธรรมกถาให้กับท่านเอกอัครราชทูต พร้อมข้าราชการและพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลว่า “การปฏิบัติหน้าที่ของทูตในต่างแดน ต้องมีความสามารถในการปรับตัวเหมือนกับสายน้ำ โดยต้องรู้เท่าทันสถานการณ์ของประเทศที่ตนทำงานด้วย แต่ก็ไม่ต้องปรับตัวจนเสียหลักการ โดยยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ไม่หลงของเก่า ไม่เมาของใหม่ เป็นคนไทยในต่างแดน ก็ต้องรักษาคุณค่าของความเป็นไทยตามหลักพระพุทธศาสนา” หลังจากนั้น วันที่ ๒๗ ตุลาคม คณะผู้แทนมหาเถรสมาคมได้เดินทางไปยังเมืองอัสซีซี โดยรถไฟขบวนพิเศษจากสถานีรถไฟในนครวาติกัน มุ่งหน้าสู่เมืองอัสซีซี พร้อมกับขบวนองค์สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ ๑๖ เพื่อร่วมสวดภาวนาเพื่อสันติภาพของโลก ซึ่งแต่ละสถานีที่ผ่านไปก่อนถึงเมืองอัสซีซี ได้มีประชาชนจำนวนมากเข้าแถวให้การต้อนรับ เมื่อเดินทางถึงเมืองอัสซ๊ซี คณะได้เดินทางเข้าสู่มณฑลพิธีภายในโบสถ์เซนต์ฟรานซิส ซึ่งมีการกล่าวสุนทรพจน์จากผู้นำศาสนาต่างๆ ทั่วโลกโดยพระสันตะปาปา ได้เรียกร้องให้ทุกศาสนาทั่วโลกร่วมกันสร้างสันติภาพที่เป็นธรรม ในภาคบ่าย ได้เดินทางไปยังตัวเมืองอัสซีซี และได้ประกอบพิธีในการสวดเพื่อสันติภาพโลก ทั้งนี้ พระพรหมโมลี ในฐานะผู้แทนมหาเถรสมาคม ของประเทศไทย ได้กล่าวให้คำสัตยาบัน ท่ามกลางมหาสมาคมของประมุขและผู้นำศาสนาต่างๆ พร้อมด้วยประชาชนที่มาร่วมในพิธีจำนวนมาก ว่า “เราขอให้คำมั่นที่จะรับฟังและสนับสนุนคำอ้อนวอนของผู้ที่ปฏิเสธความรุนแรงและสิ่งชั่วร้าย และเราปรารถนาที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บุรุษและสตรีแห่งยุคสมัยของเรามีความหวังแน่วแน่ต่อความยุติธรรมและสันติภาพ” การที่พระพรหมโมลี ผู้แทนจากประเทศไทยได้รับอาราธนาให้ขึ้นกล่าวคำสัตยาบันในนามของชาวพุทธทั่วโลกในครั้งนี้ก็เพราะเจ้าภาพพิจารณาเห็นว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาของโลก พระสันตะปาปา ได้กล่าวปิดการประชุมว่า “จงอย่าได้มีสงครามและความขัดแย้งใดๆ ในโลกนี้อีกเลย” หลังจากนั้น ได้มีพิธีจุดเทียนเพื่อสันติภาพก่อนเดินทางกลับกรุงโรม โดยรถไฟขบวนพิเศษ และในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ คณะผู้แทนมหาเถรสมาคม ได้เดินทางเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ ๑๖ ณ มหาวิหารเซนต์ ปีเตอร์ ภายในสำนักวาติกัน นครวาติกัน กรุงโรม ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปา ได้พบปะกับประมุขและผู้นำศาสนาต่างๆ พร้อมคณะที่เข้าร่วมพิธีหลังจากนั้น กระทรวงว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาคริสต์คาทอลิกกับศาสนาอื่นๆ ของสำนักวาติกัน ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันภายหลังการเข้าเฝ้า สมหมาย สุภาษิต รายงานจากกรุงโรม อิตาลี่ |
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||
![]() ![]() |