มจร.วังน้อย ถึงจะถูกน้ำท่วมแต่ยังเปิดเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

โดย ตวงศักดิ์ ชื่นสินธุ
           
              บนถนนสายพหลโยธิน เส้นกรุงเทพฯ-วังน้อย เลยจากวงแหวนรอบนอกตะวันออกไปไม่ไกล ก่อนถึงแยกวังน้อย ทางซ้ายมือจะเห็นตึกแฝดสีขาว 5 ชั้น หลังคาทรงไทยสีส้มตระหง่านอยู่กลางพื้นที่โล่งกว้างราว 350 ไร่ 
             ที่นี่เป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของคณะสงฆ์ ซึ่งสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ.2432 มีชื่อเดิมว่า "มหาธาตุวิทยาลัย" และมีพระบรมราชโองการเปลี่ยนนามใหม่ว่า "มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย" (มจร.) เมื่อ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2439 โดยมีพระราชประสงค์จะให้เป็นอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติยศของพระองค์สืบไป          
               แต่ละปีนิสิตของมหาวิทยาลัยนอกจากศึกษาตามหน้าที่ของตนเองแล้ว ยังตอบสนองงานพระพุทธศาสนาไปพร้อมๆ กัน เช่น ฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานทุกปี เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สอนในโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ อบรมศีลธรรมแก่เยาวชนไทยในโรงเรียนต่างๆ จัดโครงการอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อนทั่วประเทศช่วงเดือนเมษายนของทุกปี แต่ละปีมีเยาวชนเข้ารับการฝึกอบรมประมาณ 60,000 คน
                วันนี้ ถนนสายกรุงเทพฯ-วังน้อย กลาย เป็นถนนใต้บาดาลไปแล้ว พื้นที่โดยรอบของอาคาร มจร.ทั้งหมดถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำ รวมทั้งในส่วนของโบสถ์ของ ท่านปัญญานันทภิกขุ จึงต้องมีการสร้างสะพานแบริ่งทอดข้าม จากถนนด้านหน้า เป็นระยะทางยาวประมาณ 5 กิโลเมตร เข้าไปถึงพื้นที่ด้านหลัง 
                ข่าวพระไตรปิฎกกำลังจะจมน้ำ สะพัดไปอย่างรวดเร็วบนสื่อออนไลน์ เป็นการระดม กองกำลังจิตอาสาจากทุกสารทิศฝ่ากระแสน้ำที่กำลังไหลหลากเข้ามาเพื่อกอบกู้พระไตรปิฎกกว่า 60,000 เล่ม ที่เก็บอยู่ชั้นใต้ดินของอาคารพิพิธภัณฑ์พระไตรปิฎก ใน มจร.วังน้อย (ซึ่งสามารถกู้ได้สำเร็จ ไม่เสียหาย)
               ชั่วเวลาแค่คืนเดียว ของวันที่ 12 ตุลาคม มวลน้ำที่บุกเจ้าจู่โจม มจร.วังน้อย ทำให้ต้องมีการระดมทั้งสงฆ์ทั้งฆราวาสเร่งขนย้ายตำราภายในห้องสมุดซึ่งอยู่ชั้นล่างของอาคาร ประกอบกับจิตอาสาที่หลั่งไหลเข้ามาให้การช่วยเหลือจากทุกสารทิศ ทำให้สามารถขนย้ายพระไตรปิฎกทั้งหมดได้ทันการณ์
                ส่วนที่ได้รับความเสียหายจะเป็นพระอรรถกถาจำนวน 5,000 เล่ม หนังสือในห้องสมุด ชั้นล่างประมาณ 10,000 เล่ม 
                วันนี้ มจร.หยุดการเรียนการสอนชั่วคราวเพราะผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะเดียวกันก็ปรับบทบาทใหม่เป็น "ศูนย์ฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย" ชั่วคราว
                 ศ.ดร.พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดี มจร. เล่าว่า ก่อนหน้าที่ มจร.วังน้อยจะประสบอุทกภัย ได้จัดทำเป็นศูนย์พักพิงก่อนแล้ว 
                 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานมูลนิธิชัยพัฒนา ทรงมีรับสั่งว่า ให้ปรับพื้นที่ของ มจร.วังน้อย เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวของผู้ประสบอุทกภัย โดยนำผู้อพยพจากจังหวัดพระนครศรีอุยธยา จำนวน 500 คน เข้ามาอยู่ที่นี่เป็นที่มาของการปรับสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสบภัย โดยในช่วงแรก จัดพื้นที่ให้ที่ชั้น 1 ของอาคารหอฉัน เพราะมีน้ำ-ไฟพร้อม ส่วนอาหารนั้น ทางมูลนิธิชัยพัฒนาได้ประสานกับทาง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำมามอบให้  ทว่า เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น น้ำหลากไหลมาท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องย้ายพื้นที่ของศูนย์อพยพจากชั้น 1 หอฉัน ขึ้นไปอยู่บน ชั้น 3 แต่กลับมีปัญหาเรื่องไฟฟ้า น้ำประปาใช้ไม่ได้ จึงมีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน โดยมูลนิธิประสานความช่วยเหลือจากทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ การไฟฟ้านครหลวง ที่นำเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่มาให้ ส่วน การประปา ก็นำเครื่องทำน้ำจืดขนาดใหญ่มามอบให้ด้วย 
                ไม่เพียงแต่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัย ใน มจร. ด้วยกำลังศรัทธาที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้ มจร.สามารถเปิดโรงครัวทำอาหารสำหรับแจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบได้ 
                 ปัจจุบัน อาคารหอฉัน มจร.วังน้อย เปิด เป็น "ศูนย์ช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม มูลนิธิชัยพัฒนา" เป็นที่พักพิงผู้ประสบอุทกภัยราว 600 คน ทั้งที่มาจากเกาะเมือง พระนคร ศรีอยุธยา และจากจังหวัดใกล้เคียง แยกเป็นผู้ชาย 221 คน ผู้หญิง 277 คน และเด็ก 141 คน ผู้ใหญ่ 357 คน กัมพูชา 17 คน เวียดนาม 3 คน
                  ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโบสถ์กลางน้ำ ภายใน มจร.วังน้อย
                  ศ.ดร.พระธรรมโกศาจารย์ เล่าว่า นอกจากสิ่งจำเป็นทั้งอาหาร ที่พักอาศัยแล้ว เรื่องสุขภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญมาก ทาง มจร.จึงจัดให้มี พระวิทยากรนำธรรมะมาสอนให้ประชาชน เช่น สวดมนต์ ทำวัตรเช้า-เย็น นั่งสมาธิ เดินจงกรม ฟังเทศน์ ฯลฯ
                  ส่วนหนุ่มๆ สาวๆ ได้ร่วมกันทำกิจกรรม จิตอาสา ทำความสะอาดเก็บขยะ ดูแลเวลา มีผู้มาบริจาคของ นอกจากนี้ ยังมีทีมแพทย์ อาสาจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.รามาธิบดี บริการรักษาคนที่เจ็บป่วย ซึ่งผู้ประสบอุทกภัยมาอยู่ศูนย์พอหลัง 7 วัน ทุกคนมีความสุขมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส ได้ธรรมะกล่อมจิตใจ เด็กๆ ร่าเริง ทุกคนปรับสภาพความเป็นอยู่ได้แล้ว 
                 นอกจากจะช่วยผู้ประสบอุทกภัยในศูนย์ ทางมูลนิธิชัยพัฒนา ยังนำถุงยังชีพ อาหาร ไปที่วัดกุฎีประสิทธิ์ เครือข่ายของ มจร.ที่อยู่ ตรงข้ามกับ มจร.วังน้อย ที่นั่นมีประชาชนที่ ประสบอุทกภัยอีกประมาณ 500 คน ซึ่งที่หน้า มจร. วังน้อยในขณะนี้ มีผู้มาบริจาคจำนวนมาก และยังทยอยมาบริจาคเรื่อยๆ ทางเราคิดว่าน่าจะตั้งเป็นโรงทาน จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม เป็นต้นไป เพื่อจะแจกข้าวกล่องให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย ที่ไม่ได้อยู่ในศูนย์ประมาณ 500 กล่องต่อวัน
                กับแนวคิดที่จะนำศูนย์พักพิง มจร.วังหน้าเป็น "โมเดลของศูนย์พักพิง" อธิการบดี มจร. บอกอีกว่า เมื่อครั้งที่ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาเยี่ยมที่ศูนย์ เห็นว่ามีบริการที่ดี มีอาสาสมัครซึ่งเป็น คนที่มาพักพิง มีพระมาสอนดูแลจิตใจ พระมาเป็นอาสาสมัคร สามารถคลี่คลายความทุกข์ความเครียดได้ ตรงนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดี อีกอย่างหนึ่งก็คือ การทำด้วยใจ ท่านก็เลยอยากให้ไปทำที่อื่นด้วย 
                พระมหาสุเทพ สุทธิญาโณ อาจารย์ภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มจร. เล่าถึงการจัดการในส่วนของเด็กๆ ที่เข้ามาพักภายในศูนย์ ที่มีอยู่กว่า 100 คน ว่า จะแบ่งเด็กเป็น กลุ่มย่อย กลุ่มวาดรูป กลุ่มปั้นดินน้ำมัน กลุ่มออกกำลังกาย และยังมีสันทนาการด้านบันเทิงอื่นๆ ที่สำคัญคือ การสอนการสวดมนต์ไหว้พระให้กับเด็กๆ สอนเรื่องจริยธรรม คุณธรรม ผ่านการเล่านิทานธรรมะ
                "ตอนเช้าจะให้เด็กๆ สวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตา ให้เด็กมีส่วนร่วมในการเปล่งเสียง อาตมามีความรู้สึกว่าเด็กๆ มีความชื่นอดชื่นใจ จิตใจที่กำลังว้าเหว่ ฟุ้งซ่านก็สงบลง ผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน จากการที่อาตมาได้เข้าไปสอนไปสัมผัสผู้ประสบภัย หลายๆ คนสุขภาพจิตดีขึ้น เพราะว่าอาตมามีระบบการจัดการแบบทุกคนมีส่วนร่วม จัดเป็นโซนเป็นหมู่บ้าน ให้ช่วยเหลือกันเอง จัดสรรของบริจาคให้มีการเสียสละกันหากของไม่มีเพียงพอ ซึ่งปัจจุบันนี้ ผู้ประสบอุทกภัยไม่ได้เป็นผู้รับอย่างเดียว แต่เป็นผู้ให้ด้วย"
                ส่วนถ้าใครมีจิตศรัทธาสามารถติดต่อมาที่ มจร.วังน้อย ที่พระครูวินัยธรวัลลพ ผอ.ส่วนธรรมนิเทศ โทร.08-1925-1491, เบอร์กลาง (อาคารหอฉัน) 08-9372-4285, 08-9372- 4286, 08-9372-4287

                ทางด้าน นางนิตยา ภาคกาย อายุ 58 ปี บอกว่า "อาศัยอยู่ที่เกาะเมือง จังหวัดพระนครศรี อยุธยา ที่บ้านมีอยู่ 8 คน น้ำท่วมเกือบถึง ชั้นสอง เลยต้องตัดสินใจย้ายออกไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงที่โรงสุรา กรมสรรพสามิต แต่ก็อยู่ไม่ได้ ต้องย้ายต่อมาอยู่ที่ มจร.วังน้อย สองอาทิตย์แรกๆ มีน้ำท่วมเหมือนกันทำให้ไฟฟ้าดับ น้ำไม่มีใช้ ห้องสุขาก็ไม่สะดวก แต่ไม่นานก็มีความช่วยเหลือเข้ามา ตอนนี้สบายแล้ว มีทั้งไฟฟ้า ทั้งน้ำใช้ แล้วอาหารการกินสมบูรณ์ และไม่เครียด ได้นั่งสมาธิ แผ่ส่วนกุศล ให้กับผู้ประสบอุทกภัยด้วย" 
                 เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เป็นศูนย์ที่สมบูรณ์แบบ ไฟฟ้า น้ำ อาหาร และธรรมะกล่อมเกลาจิตใจ

             ที่มา ; วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 34 ฉบับที่ 12287 มติชนรายวัน หน้า 20

ข้อมูล;สมหมาย  สุภาษิต