ข่าวมหาวิทยาลัย |
ทึ่งผลวิจัยปาณาติบาตในเซลล์มนุษย์สเต็มเซลล์ถือเป็นชีวิตมนุษย์สมบูรณ์แล้ว | ||
วันที่ ๐๘/๐๘/๒๐๑๒ | เข้าชม : ๗๖๒๑ ครั้ง | |
มหาจุฬาฯ 6 ส.ค. 55 นายแพทย์ปุณวัสส์ กิตติมานนท์ แพทย์โรงพยาบาลราชวิถี นิสิตพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวในงานแถลงข่าวการจัดสัมมนาวิชาการ “ผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ดีเด่น ประจำปี 2555” ณ อาคารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ท่าพระจันทร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า จากผลการวิจัยพบว่า ชีวิตในทางพระพุทธศาสนาหมายถึง การดำรงอยู่ของมนุษย์และหมู่สัตว์จึงถือเป็นสิ่งมีชีวิต (สปฺปาณก) และเป็นสิ่งมีชีวิตในกำเนิด 4 ตามหลักพระพุทธศาสนา มีความหมาย 2 ระดับคือ ระดับสมมติ ได้แก่ ชีวิตในลักษณะที่สังคมสมมติขึ้นเป็นสัตว์ บุคคล และระดับปรมัตถ์ ได้แก่ การดำรงอยู่อย่างสืบต่อและต่อเนื่องของส่วนประกอบชีวิตที่เรียกว่า รูป กับ นาม เท่านั้น ตามหลักวิทยาศาสตร์ทางชีววิทยา ชีวิตหมายถึง สภาวะของพืชและสัตว์ที่ดำรงชีวิตของตนอย่างมีระบบ มีการเติบโต กินอาหาร หายใจ ขับถ่ายของเสีย เคลื่อนไหวและสามารถวิวัฒนาการได้ สิ่งนี้เรียกว่าสิ่งมีชีวิต นายแพทย์ปุณวัสส์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนเซลล์มนุษย์นั้นหมายถึง เซลล์ในร่างกายมนุษย์ที่ประกอบกันเป็นเนื้อเยื่อ และรวมตัวกันเป็นอวัยวะ ระบบอวัยวะและร่างกายมนุษย์ในที่สุด เช่น เซลล์ผิวหนัง เซลล์เม็ดเลือดขาว ไข่ และอสุจิ เป็นต้น อีกกลุ่มเซลล์ชนิดหนึ่งที่พบได้ในตัวอ่อนมนุษย์หลังปฏิสนธิประมาณ 5-7 วัน ในระยะที่เรียกว่า บลาสโตซิสต์ ซึ่งกลุ่มเซลล์เหล่านี้มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นกลุ่มเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด และเมื่อพิจารณาการกระทำปาณาติบาต (การฆ่าสัตว์) ในตัวอ่อนมนุษย์จะพบว่า ด้านสัจธรรมนั้น กระบวนการสร้างสเต็มเซลล์และการนำสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์ไปใช้ในการรักษาโรคแล้ว ถ้าตัวอ่อนมนุษย์นี้ต้องตาย ซึ่งตามหลักพระพุทธศาสนาตัวอ่อนระยะนี้จัดเป็น “กลละ” (หยาดน้ำกลมใส) และ “อัพพุทะ” (น้ำข้นๆ) ถือได้ว่าตัวอ่อนมนุษย์นี้เป็นชีวิตมนุษย์ที่สมบูรณ์แล้ว ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจึงจัดเป็นการฆ่ามนุษย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของปาณาติบาต ในด้านจริยธรรมส่วนบุคคลที่มีหลักกฎแห่งกรรมเป็นฐานถือว่า การทำลายตัวอ่อนมนุษย์แม้จะนำไปใช้ในการรักษาโรคก็ถือเป็นการทำลายชีวิตมนุษย์ เป็นบาปตามหลักกฎแห่งกรรม “เรามัวไปสนใจเรื่องโคลนนิ่งสเต็มเซลล์กันมากมาย ทั้งๆ ที่สิ่งที่จะนำไปสู่การสูญเสียชีวิตจากเลือดเนื้อนั้นน้อยมาก อย่างการคุมกำเนิดชนิดไม่ใช้ถุงยางอนามัย เช่นการใส่ห่วงอนามัยเพื่อไม่ให้ตัวอ่อนฝังตัวในโพลงมดลูก หมายถึงคนที่ใช้จะมีประจำเดือนมาตลอด อาจจะมีการตั้งครรภ์อ่อนๆ แสดงว่าไข่กับสเปิร์มมีการผสมพันธุ์กันแล้ว มีตัวอ่อนเรียบร้อยแล้วแต่ว่าฝังตัวไม่ได้ อันนี้มันเหมือนกับโคลนนิ่ง เป็นการฆ่าโคลนนิ่ง เชื่อว่าประเทศไทยมีเป็นล้านๆ รายต่อปี ประชากรไทยมี 67 ล้านคน ตีว่ามีคนเคยใส่ห่วง 1 แสนคน ใส่ห่วง 10 ปี 20 ปี ส่วนที่จะเกิดการตั้งท้องได้ประมาณ 200 กว่าครั้งต่อคน ต่อให้ขึ้นมาสัก 10 เปอร์เซ็นต์ก็ตกเป็นล้านแล้วครับ แต่สิ่งนี้อย่าตกใจเพราะว่าการจะเกิดปาณาติบาตได้จะต้องครบ 5 องค์ประกอบเท่านั้น” น.พ.ปุณวัสส์ กล่าว ด้านพระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร รองคณะบดีคณะบัณฑิตวิทยาลัย มจร. กล่าวว่า มจร.มีกำหนดจัดงานสัมมนาวิชาการเผยแพร่ผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ดีเด่น ประจำปี 2555 ในวันที่ 26 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ณ หอประชุม มรก.๔๙ พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งแต่ละปี มจร.ได้ผลิตบัณฑิตในระดับมหาบัณฑิต และระดับดุษฎีบัณฑิต ทั้งที่เป็นพระภิกษุและคฤหัสถ์มาแล้วจำนวนมาก โดยแต่ละหลักสูตรนิสิตจะต้องสร้างสรรค์ผลงานวิจัยในรูปแบบของวิทยานิพนธ์ ซี่งถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยในปีนี้พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดี จะปาฐกถาเรื่อง “ทำวิทยานิพนธ์อย่างไรให้ได้ดีเด่น” และจะมีพิธีมอบเกียรติบัตร โล่รางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่น และระดับดีแก่นิสิต จึงขอเรียนเชิญผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาวิชาการในครั้งนี้ ณรงค์ หนูเชื้อและสมหมาย สุภาษิต/ข่าว
|
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ | ||